|             เมื่อเอ่ยถึงวัดก็ต้องยอมรับว่า 
              วัดมีบทบาทและอิทธิพลต่อชุมชนและชาวบ้านมาตั้งแต่อดีต จะเห็นได้ว่าวัดไม่ใช่แค่มีบทบาทในการสั่งสอนอบรม 
              และเป็นสถานที่ให้คนได้ทำกิจกรรมเพื่อความดีเท่านั้น แต่วัดยังเป็นทั้งโรงเรียน 
              เป็นสถานที่ปกครองหรือแลกเปลี่ยนข่าวสารในชุมชน รวมถึงเป็นโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วย 
              จะเห็นว่าทุกวันนี้มีโรงพยาบาลหลายแห่งที่ยังตั้งอยู่ในวัด หรือมีชื่อวัดติดอยู่ 
                          จากรากฐานของสังคมไทยเช่นนี้ 
              ก็ไปสอดคล้องกับแนวความคิดของมูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา ในอันที่จะผลักดันสถานพยาบาล 
              หรือโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยให้เกิดขึ้นในทุกๆ ชุมชน เพื่อช่วยลดภาระความทุกข์ทรมานของผู้ป่วย 
              ที่ต้องจมอยู่ที่บ้านและขาดการดูแลรักษาที่ถูกวิธีจากแพทย์ พยาบาล 
              โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเรื้อรัง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ที่เกิดจากอุบัติเหตุบ้าง 
              เกิดจากหลอดเลือดตีบตันบ้าง อาการของโรคต่างๆ เหล่านี้เป็นปัญหาในการดำเนินชีวิตของประชาชน 
              เพราะเป็นเครื่องบั่นทอนจิตใจและสุขภาพ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเขาควรได้รับการฟื้นฟูสภาพในสถานที่ที่อยู่ใกล้บ้าน 
              มีผู้คอยให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง แม้ว่าโรงพยาบาลในระดับชุมชนระดับอำเภอจะมีอยู่ทุกแห่งก็ตามแต่ 
              ก็ยังไม่สามารถให้บริการทั่วถึงและเข้าถึงจิตใจที่หดหู่ของผู้ป่วย 
              ผู้พิการเหล่านี้ได้ แถมระยะการเดินทางของบางคนยังไกลจนกลายเป็นอุปสรรคด้วยซ้ำ 
              ซึ่งจุดนี้นับเป็นความปรารถนาของมูลนิธิอย่างยิ่ง เพราะเห็นแล้วว่าการแพทย์แผนไทยนั้น 
              ความจริงแล้วก็อยู่ในชีวิตรากฐานของคนไทยทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่ช่วยส่งเสริมให้ชัดเจนและนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม 
              จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งแก่ประชาชน ทั้งเรื่องการนวดไทย การอบประคบ 
              การแช่น้ำสมุนไพร การใช้ยาหม่องน้ำมันนวด การใช้ยาสมุนไพรไทย เพราะมียาตำรับหลายชนิดที่ดีๆ 
              น่าจะนำมาใช้ในชุมชน รวมถึงส่งเสริมการวิจัยการนำไปใช้            เมื่อเกิดแนวความคิดดังกล่าวขึ้น 
              ก็มองหาสถานที่เพื่อทำโครงการนำร่อง ก็ไปลงตัวที่วัดทุ่งบ่อแป้น 
              จังหวัดลำปาง ซึ่งท่านเจ้าอาวาสพระปลัดวินัย ปโชโต ท่านได้ทำกิจกรรมดังกล่าวอยู่แล้วที่วัด 
              เป็นศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาตและปฏิบัติธรรมวัดทุ่งบ่อแป้น 
              ซึ่งมีกระบวนการดูแลรักษา เริ่มตั้งแต่หลักการดูแลสภาพจิตใจของผู้ป่วย 
              แล้วมาสู่ขั้นตอนการดูแลร่างกาย โดยมีการนำใบพลับพลึงมาย่างไฟให้ร้อนแล้วนำไปประคบนวดตามร่างกาย 
              มีการนวดไทย มีการอบประคบ การแช่น้ำสมุนไพร และขั้นตอนที่เรียกว่า 
              "ธาราบำบัด" เป็นต้น วันหนึ่งทีมงานมูลนิธิการแพทย์แผนไทยมีโอกาสได้ต้อนรับพระปลัดวินัย 
              ปโชโต ที่มูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา จึงได้คุยกันถึงแนวคิดในเรื่องการฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยและผู้พิการ 
              ก็หารือถึงแนวทางในการผลักดันจัดตั้งให้เป็นโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยขึ้น 
              และให้มีหมอเวชกรรมเป็นผู้ตรวจรักษา และจะประกอบด้วยส่วนของโอพีดี 
              ตรวจรักษาและตั้งยาคูณธาตุโดยใช้ยาสมุนไพรในท้องถิ่น ส่วนของสวนสมุนไพรปลูกและแปรรูปมีโรงงานผลิตยาไทยเกิดขึ้น 
              และส่วนของบริการนวดไทย อบประคบ แช่สมุนไพร สิ่งที่เราทำร่วมกันนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 
              และมูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนาจะให้เงินลงทุนสนับสนุน ซึ่งปรากฏว่าหลังจากที่เราคุยหารือกันได้ไม่นาน 
              ท่านเจ้าอาวาสก็ซื้อที่ข้างวัดเพิ่ม 45 ไร่เพื่อทำโรงพยาบาล หมอไปเห็นก็ตกใจมากว่าท่านทำงานได้รวดเร็ว 
              เพราะตัวหมอเองก็เป็นคนที่ทำงานรวดเร็วแล้ว พอมาเจองานของท่านก็แปลกใจมาก 
              ก็เรียนถามท่านว่ามีเงินแล้วหรือจึงสามารถซื้อที่ดินเพื่อเตรียมสร้างอาคารแล้ว 
              ท่านบอกว่ามีเงินแค่ 1 ล้านบาทเอง แต่ทุกครั้งก็ใช้วิธีแบบนี้จึงทำให้งานเกิดขึ้น 
              และยังบอกว่าราวเดือนเมษายน 2548 ก็จะวางศิลาฤกษ์ได้ หมอก็เชื่อมั่นว่าท่านสามารถทำได้แน่นอน 
              จากความตั้งใจของมูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา บวกรวมกับบารมีของพระและแรงศรัทธาของชาวบ้าน 
              ก็ย่อมส่งผลให้เกิดโรงพยาบาลได้แน่นอน            สำหรับตัวหมอเองก็ขอส่งแรงใจให้งานเกิด 
              และตั้งใจเอาไว้ว่าก่อนลาโลกในชีวิตนี้ ขอทำโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยที่สมบูรณ์แบบให้เกิดสัก 
              4 แห่ง 4 ภาค คงลาโลกอย่างมีความสุขยิ่ง            และในโอกาสนี้ก็ขอเชิญชวนผ่านสื่อ 
              ขอชวนทุกท่านไปเที่ยวที่จังหวัดลำปางและอย่าลืมไปเยี่ยมชมกิจกรรมของวัดทุ่งบ่อแป้น 
              และสร้างกุศลร่วมกันโดยสร้างโรงพยาบาลเพื่อผู้ทุกข์ยากลำเค็ญได้ที่ 
              ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพอัมพฤกษ์-อัมพาต วัดทุ่งบ่อแป้น ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร 
              จ.ลำปาง โทรศัพท์ 0-5436-7505, 0-1882-6002 โทรสาร 0-5436-6711 หลังจากโรงพยาบาลแห่งนี้เกิดขึ้นเป็นรูปร่างในอนาคต 
              ก็สามารถจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมการแพทย์แผนไทยขึ้นเพื่อสอนการแพทย์แผนไทย 
              และหวังว่าในโอกาสไม่นานข้างหน้านี้ มูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนาร่วมกับพี่น้องชาวลำปาง 
              จะสามารถจัดมหกรรมการแพทย์แผนไทยขึ้นที่เมืองลำปางสักครั้ง            นอกจากที่วัดทุ่งบ่อแป้นแล้ว 
              ยังมีสถานที่ผลิตยาสมุนไพรอีกแห่งที่น่าสนใจคือ ชมรมรักษ์สมุนไพรลำปาง 
              ที่มีอาจารย์มานพ ประโลมรัมย์ กับภรรยา บุกเบิกมาหลายปีจนมีชื่อเสียงเป็นที่มั่นใจในคุณภาพ 
              ทางวัดก็สามารถเชื่อมโยงการทำงานร้อยเรียงเป็นทีมงานเดียวกัน จะได้ไม่เกิดการแข่งขันกัน 
              แต่ให้พัฒนากิจกรรมที่เชื่อมโยงช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ก็จะส่งผลให้ชาวลำปางมีอาชีพปลูกและแปรรูปสมุนไพรอย่างครบวงจรต่อไป 
                     ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ 
              12 ธ.ค.47
   |