|  
   คอลัมน์ มงคลข่าวสดนสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๖ ปีที่ ๑๓ ฉบับที่ 
                    ๔๕๓๑ หน้า ๑
  ชั่วโมงนี้ 
                    ผู้คนหวาดผวา "ซาร์ส" ไข้หวัดมรณะ เพราะร้ายแรงยิ่งกว่า "เอดส์" 
                    ผู้ป่วยมีสิทธิตายเพียงระยะเวลาไม่ถึงเดือน
           แต่ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน 
                    เอดส์เป็นโรคที่ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุด ผู้ติดเชื้อถูกเว้นวรรคจากชุมชน 
                    สังคมรอบข้าง           แม้แต่สายโลหิตเดียวกันยังปฏิเสธ           ผู้ป่วยต้องเก็บตัวเงียบอยู่โดดเดี่ยว 
                    ไร้พี่ ไร้น้อง ไร้เพื่อน หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนตายทั้งเป็น           จนเอดส์คู่แรกเมืองไทย 
                    น้องฝ้ายกับสามีได้โชว์ตัวครั้งแรก ทำให้สังคมเริ่มให้กำลังใจผู้ป่วยเอดส์มากขึ้น 
                    ผู้ติดเชื้อก็มีขวัญและกำลังใจเพิ่มขึ้น           จนเกิดการยอมรับจากองค์กรช่วยเหลือทั้งภาครัฐและเอกชน           ยิ่งโครงการ 
                    "ธรรมรักษ์นิเวศน์" บ้านพักผู้ป่วยโรคเอดส์ระยะสุดท้าย วัดพระบาทน้ำพุ 
                    ต.เขาสามยอด อ.เมือง ลพบุรี เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ซึ่งแวะเวียนไปเยี่ยมโครงการวันละหลายร้อยคน 
                    ต่างคนต่างฐานะ ต่างความคิด แต่จุดหมายเดียวกัน           โครงการนี้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 
                    ๒๕๓๕ ภายใต้การดูแลของ"พระครูอาทรประชานาถ" หรือพระอาจารย์อลงกต 
                    ติกขปัญโญ เพื่อสร้างจิตสำนึกให้สังคมให้เมตตาและมีมนุษยธรรมต่อผู้ป่วยโรคเอดส์ 
                    ที่ถูกทอดทิ้งจนตาย           มีพระสงฆ์ 
                    แพทย์ พยาบาล อาสาสมัครเป็นผู้ดูแลร่วมกัน ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ 
                    ให้บริการสาธารณกุศล สงเคราะห์ทั้งที่พัก อาหาร เครื่องนุ่งห่ม 
                    และยารักษาโรค โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย           มีค่าใช้จ่ายเดือนละไม่ต่ำกว่า 
                    ๑.๕ ล้านบาท บางเดือนเงินไม่มีหรือมีก็ไม่เพียงพอ จึงตกอยู่ที่พระอลงกตเพียงรูปเดียว 
                    แต่ทุกสิ่งก็จบลงที่ความตั้งใจเด็ดเดี่ยวและเสียสละ           ออกตระเวนบอกบุญ 
                    ทัวร์คอนเสิร์ต ต่อสู้ฟันฝ่าและทำทุกวิถีทาง เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต           ทั้งหนักและท้าทายพ่อพระผู้ป่วยเอดส์           พระอลงกต 
                    ถือกำเนิดในตระกูลพลธ์มุกข์ ของพ่อเสริม แม่วิลาวัลย์ เมื่อวันที่ 
                    ๙ ธ.ค. ๒๔๙๖ ณ อำเภอโพธาราม จ.ราชบุรี           โยมพ่อเป็นข้าราชการกรมทางหลวง 
                    ซึ่งต้องโยกย้ายไปทำงานตามจังหวัดต่าง ๆ ส่วนโยมแม่ก็เจ็บป่วยและลาโลกไปตั้งแต่ท่านอายุเพียง 
                    ๓ ขวบ ชีวิตท่านจึงอยู่ในความดูแลของคุณย่าซึ่งเป็นคนดุและเจ้าระเบียบ           อีกทั้งถูกโยมพ่อปลูกฝังการจัดระเบียบชีวิตทั้งตื่นเช้า 
                    เขียนหนังสือ คัดลายมือ กระตือรือร้นทำงาน ดูแลต้นไม้ร่วมกับพี่น้องอีก 
                    ๕ คน พออายุ ๕ ขวบก็อ่านหนังสือออกเขียนได้โดยที่ยังไม่ได้ไปโรงเรียน           ระหว่างนั้นโยมพ่อพาไปฝากครูใหญ่โรงเรียนโพธารามคุณารักษ์วิทยาคาร 
                    แต่ไม่ให้ขึ้นชั้นปรากฏว่า เด็กอายุ ๕ ขวบสอบได้ที่ ๑ จนตกกระไดพลอยโจนขึ้นป.๒ 
                    และสอบได้ที่ ๑ ตลอดมา           ครั้นเข้าสู่วัยหนุ่ม 
                    ปีพ..ศ. ๒๕๑๙ สำเร็จปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 
                    ๒ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับทุนไปศึกษาต่อปริญญาโท สาขาวิศวกรรมเครื่องกล 
                    ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย           เมื่อบินกลับมาเมืองไทยได้ใช้ชีวิตเสเพลพักหนึ่ง 
                    ต่อมาได้คติเตือนใจจากคนจีนที่เคารพนับถือเสมือนเครือญาติ แนะนำให้ต่อสู้ชีวิตและให้บวชเอาเคล็ดขณะอายุ 
                    ๒๖ ปี ซึ่งชีวิตการงานกำลังรุ่งโรจน์           จึงตัดสินใจเข้าบวชที่วัดบวรนิเวศวิหาร           ยิ่งบวชยิ่งศึกษาธรรมะก็ยิ่งมีอะไรอยากรู้มากขึ้น 
                    รู้จักชีวิต รู้จักโลกมากยิ่งขึ้น จนเข้าใจสัจธรรมที่ว่า  
                     
                                 "เราไม่สามารถจะครอบครองอะไรเป็นของตัวเองได้ 
                        ตายแล้วก็ไม่มีใครเอาอะไรไปได้ แม้แต่ตัวตนของเราก็ไม่ใช่ของของเรา 
                        คนเราต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ดั่งพระพุทธองค์ตรัสไว้"           จึงมุ่งหน้าฝึกฝนสมาธิ 
                    ออกธุดงค์อยู่หลายปีตามพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี นครนายก เพชรบูรณ์ 
                    ฯลฯ แล้วมาฝึกสมาธิที่ถ้ำเขาเขียวในเขตวัดพระบาทน้ำพุอยู่รูปเดียว 
                    ๖-๗ ปี           ปี 
                    พ.ศ. ๒๕๓๓ พระผู้ใหญ่ได้ขอให้ลงมาดูแลวัดพระบาทน้ำพุ สอนสมาธิวันเสาร์-อาทิตย์ 
                    และแต่งตั้งเป็นรักษาการเจ้าอาวาส           ราวปีพ.ศ. 
                    ๒๕๓๔ รู้มหันตภัยโรคเอดส์ที่แพร่ระบาด และได้เห็นโครงการบ้านพักผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่เขียนขึ้นโดย 
                    นายเจฟฟรีย์ เอ.เซเกอร์ นักจิตวิทยาบำบัด ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มทำงานขององค์กรพุทธศาสนิกสัมพันธ์เพื่อสังคม 
                    ที่มุ่งหวังจะมีวัดและพระทำโครงการนี้           ปีรุ่งขึ้นท่านจึงเริ่มดำเนินการโครงการธรรมรักษ์นิเวศน์ 
                    บ้านพักผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้าย โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 
                    ทรงมีพระเมตตาพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาทเป็นประเดิม 
                    โดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นมูลนิธิพัฒนางานชุมชนบำบัดต้นแบบ           บนพื้นฐานของความมีเมตตา 
                    และมีมนุษยธรรม ตามวิถีทางของชาวพุทธ           นอกจากนี้แล้ว 
                    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ยังประทานยาและเวชภัณฑ์ต่าง 
                    ๆ เพื่อให้การสงเคราะห์แก่ผู้ป่วยเป็นประจำทุกเดือน และทรงเห็นชอบในการจัดตั้งชุมชนบำบัดผู้ป่วยโรคเอดส์           ทรงรับโครงการนี้ไว้ในพระสังฆราชูปถัมภ์           ช่วงปีแรก 
                    พระอลงกตถูกต่อต้านจากชาวบ้าน มีการร้องเรียนไปถึงนายอำเภอ ผู้ว่าฯ 
                    ให้ย้ายโครงการไปที่อื่น           รุนแรงถึงขั้นไม่ยอมให้ผู้ป่วยขึ้นรถเมล์ 
                    ทานก๋วยเตี๋ยวในร้าน           ท่านถูกประท้วงไม่ใส่บาตร 
                    ต้องจ้างเด็กในวัดขับมอเตอร์ไซค์ไปซื้ออาหารมาทำเองเพื่อเลี้ยงผู้ป่วย           เมื่ออยู่รูปเดียวก็ทำทุกอย่างตั้งแต่ให้อาหาร 
                    ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ซักเสื้อผ้า ทำแผล ทายา บีบนวด เช็ดเนื้อเช็ดตัว           ยามนั้นไม่มีบ้านพัก 
                    อาศัยหอสวดมนต์เป็นห้องพักชั่วคราว อีกทั้งถูกกระแสกดดันจากสังคม 
                    แต่ก็ไม่ทำให้ท่านสิ้นพลังใจ           ท่านพยายามชี้แจงกับชาวบ้านให้เข้าใจการอยู่ร่วมกัน 
                    และการดูแลผู้ป่วยอย่างมีคุณธรรม จนเกิดอาสาสมัครเข้ามาช่วยงาน           เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านทัศนคติที่ดีขึ้น 
                    จากที่เคยรังเกียจและกลัว ก็เปลี่ยนมาเป็นเข้าใจ เห็นอกเห็นใจผู้ป่วยมากขึ้น           วัดพระบาทน้ำพุไม่เคยว่างเว้นจากงานศพซึ่งมีให้เห็นวันละไม่น้อยกว่า 
                    ๒ ศพ มีพิธีสวดศพทุกวัน ทั้งคนหามและพระสวดต่างเป็นเอดส์ทั้งหมด           เมื่อมีผู้ป่วยเอดส์เพิ่มขึ้น 
                    ท่านจึงเปลี่ยนเตาเผาถ่านธรรมดาเป็นเตาเผาไร้มลพิษรุ่นใหม่จากอเมริกา 
                    มูลค่า ๔ ล้าน ๖ แสนบาท สามารถเผาได้วันละ ๑๐ ศพ           ปัจจุบันภาระของท่านเพิ่มทวีคูณ 
                    เนื่องจากเด็กทารกชาย-หญิงของผู้ป่วยเอดส์ ซึ่งไร้ผู้เหลียวแล 
                    จึงได้ผุดโครงการเลี้ยงเด็กผู้ป่วยเอดส์ขึ้นอีกโครงการหนึ่ง           แม้หนักจนยากแบกรับ 
                    แต่จำต้องทำ           ในห้วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ 
                    จำนวนผู้ป่วยยิ่งเพิ่มมากขึ้น เฉพาะที่อยู่ในความดูแลไม่ต่ำกว่า 
                    ๓ พันคน           โครงการของท่านเป็นการให้เปล่า 
                    จนเงินบริจาคมีไม่เพียงพอ จึงต้องขอรับบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง 
                    ยารักษาโรค และสิ่งของต่าง ๆ เพื่อประทังชีวิตผู้ป่วย           ขณะนี้ภายใต้โครงการได้มีบ้านพักหลังเล็ก 
                    ๆ ประมาณ ๑๐๐ หลัง และกำลังจัดสร้างเพิ่มขึ้นอีก ๑๐๐ หลัง ให้ผู้ป่วยเอดส์ที่อาการไม่สาหัสได้อยู่อย่างอิสระ 
                    เหมือนกับอยู่บ้านตัวเองโดยไม่ต้องมีใครรบกวน เมื่อถึงเวลาก็จะมีการปฏิบัติสมาธิให้จิตใจสงบ 
                    ทำบุญใส่บาตร           ส่วนผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้ายจะอยู่ที่บ้านวลัยลักษณ์ 
                    มีลักษณะคล้ายโรงพยาบาลขนาดเล็ก สามารถรับผู้ป่วยได้ ๒๐ เตียง 
                    มีพยาบาลและอาสาสมัครคอยให้ความช่วยเหลือตลอด ๒๔ ชั่วโมง           ผู้สนใจสมทบกองทุนเพื่อมูลนิธิธรรมรักษ์นิเวศน์ 
                    ได้ที่ ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ สาขาลพบุรี บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 
                    ๑๒๑-๒-๑๘๕๔๒-๖, ธนาคารทหารไทย สาขาลพบุรี บัญชีออมทรัพย์ชื่อมูลนิธิธรรมรักษ์ 
                    เลขที่ ๓๐๔-๒-๓๗๖๑๗-๒ หรือ ธนาณัติไปที่โครงการธรรมรักษ์นิเวศน์ 
                    ตู้ปณ. ๘๓ ปทจ. ลพบุรี ๑๕๐๐ โทร.๐-๑๘๓๑-๓๔๔๑ โทรสาร ๐๓๖-๔๒๒-๖๐๐ และไม่ได้งอมือตั้งรับเพียงอย่างเดียว           ปัจจุบันท่านร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ-เอกชน 
                    รณรงค์ให้ความรู้กับสังคม เพื่อให้ตระหนักและวิตกถึงปัญหาและภัยที่เกิดจากโรคเอดส์ซึ่งรุนแรงขึ้นทุกปี 
                    ภายใต้"โครงการหัวใจสีขาว"           เน้นที่กลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มเสี่ยงอายุระหว่าง 
                    ๑๕-๒๒ ปี           ด้วยความเป็นพระของชุมชน 
                    ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ "พระครูอาทรประชานาถ" 
                    อันหมายถึง "ที่พึ่งของปวงชน"           นอกจากนี้ยังได้รับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ 
                    สาขาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขาพยาบาลศาสตร์ 
                    มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สาขาปรัชญา มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา 
                    มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย           อีกทั้งได้รับรางวัลเกียรติยศอีก 
                    ๖ รางวัลซ้อน เป็นขวัญและกำลังใจ ประกอบด้วย           รางวัลมหิดลวรานุสรณ์ 
                    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน           รางวัลเสมาธรรมจักร 
                    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทาน           รางวัลแสงเทียนส่องใจ 
                    พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระราชทาน           รางวัลคนดีศรีสังคม 
                    จากสโมสรโรตารี่           รางวัลพลเมืองดีเด่น 
                    จากสโมสรไลอ้อน           รางวัลบริการสังคม 
                    เพื่อคุณธรรม จากสำนักข่าวกรุงเทพฯ           วันนี้พระอลงกต 
                    คือแสงเทียนเล่มเล็กส่องประกาย เป็นความหวังสุดท้ายของผู้ป่วยเอดส์ 
                    ที่เลือกใช้ธรรมะจากพุทธศาสน์มาบำบัดอาการผู้ป่วยเอดส์ ทั้งสร้างกำลังใจ 
                    ยืดเวลาพวกเขาให้อยู่ดูโลกได้นานขึ้น           ได้เปลี่ยนทัศนคติญาติและสังคมให้หันมาเยียวยาใจผู้ป่วย           เป็นงานหนักที่เกิดขึ้นไม่ได้ 
                    ถ้าไม่เอื้ออาทรและทุ่มเทจริง ๆ ..  |