โดย... จตุพร จินะราช

  สงเรื่องเรื่องที่ส่องประเทืองอยู่ทั่วเมืองไทย คือแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่
โอ้ครูไทยในแดนแหลมทอง.. เหนื่อยยากเพียงใดไม่เคยบ่นไปให้ใครเขามอง…...
ครูนั้นยังลำพองในเกียรติของตนเสมอมา..ฯลฯ
  แว่วเสียงเพลงแม่พิมพ์ของชาติ ที่เปิดตามสถานีวิทยุและโทรทัศน์ในวันที่ 16 มกราคม ของ
ทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นวันครู ผู้ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้กับเด็กไทยให้มีการศึกษา มีความรู้ความสามารถและ
เป็นผู้มีบทบาทในการพัฒนาประเทศชาติ
  เพราะฉะนั้น เยาวชนของชชาติจะมีคุณ ภาพหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ถ่ายทอดความรู้ตำราเรียน
โดยเฉพาะการดูแลเอาใจใส่ของสถานศึกษารวมทั้งครูบาอาจารย์ทั้งหลาย
  แม้ว่าตัวเด็กเองจะมีส่วนอยู่มากแต่เราก็ยังถือว่าผู้เป็นครูนั้นมีความสำคัญในการทำให้เด็กมี
ความเข้าใจในตำราเรียนมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ครูที่ดีสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กได้ด้วย
  วันครูจัดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2500 หลังจากพระราชบัญญัติครู พุทธศักราช 2488
ประกาศใช้ 12 ปี สถานที่จัดงานวันครูครั้งแรกของจังหวัดพระนครและธนบุรี คือ"กรีฑาสถานแห่งชาติ"สำหรับ
ความเป็นมาของวันครูนั้น ได้มาจากการปรารภและการเรียกร้องของครูจำนวนมาก ซึ่งปรากฎในหนังสือพิมพ์
และสื่อมวลชนอื่น ๆ ที่พยายามชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของครูและอาชีพครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละประกอบ
คุณงานความดีเพื่อประเทศชาติ จึงควรที่จะมีวันแห่งการระลึกความสำคัญของครู
  จากการเรียกร้องของครูนี่เองที่ทำให้จอมมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ประธาน
อำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้นำไปเสนอในที่ประชุมผู้แทนคณะครูทั่วประเทศ ในการประชุมมีความตอน
หนึ่งว่า "ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณ เป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของ
เราทั้งหลาย...ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูอาจจะมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดง
ความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนโดยทั่วไปถ้าถึงวัน
ตรุษสงการนต์เราก็นำเอาบรรดาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญทำทานคนที่สองรองลง
ไปก็คือ ครูผู้เสียสละที้งหลาย ข้าพระคิดว่าในโอกาศนี้จะขอฝากที่ประชุมนี้ไว้ด้วยลองปรึกษา
หารือในหลักการทุกคนคงไม่ขัดข้อง..
." ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มีการหยิบยกเรื่องนี้ไปพิจารณา
  ในที่สุดกระทรวงศึกษาธิการได้นำเรื่องการจัดให้มีวันครูเสนอต่อรัฐบาล โดยมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 21 พศฤจิการยน 2499 กำหนดให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็นวันครู และให้กระทรวงศึกษาธิการ
สั่งการให้เด็กและครูหยุดในวันดังกล่าว วันครูจึงได้เริ่มจัดขึ้นในปีแรกในปี พ.ศ. 2500 ส่วนเหตุผลที่ว่า ทำไม
จึงกำหนดให้เป็นวันนี้ เพราะเนื่องจากวันที่ 16 มกราคม เป็นวันประกาศพระราชบัญญัติครูใน
พระราชกิจจานุเบกษา
  จุดมุ่งหมายของการจัดงาน "วันครู" มี 3 ประการดังนี้คือ
1. เพื่อประกอบพิธีระลึกถึงพระคุณของบูรพาจารย์
2.เพื่อส่งเสริมความสามัคคีธรรมระหว่างครู
3.เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน
ส่วนดอกไม้ประจำของวันครู ก็คือ ดอกกล้วยไม้ เนื่องจากมีลักษณะคล้ายคลึงกับการจัด การศึกษาและสภาพชีวิต
ของครู ดังคำกลอนของ หม่อนหลวงปิ่น มาลากุล ที่ว่า
  "กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด
การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น
แต่ออกดอกคราวใด งานเด่น
งานสั่งสอนปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม"
นอกจากนี้ กล้วยไม้ยังเป็นพืชที่อยู่ในที่สูงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ไม่ร่วงโรยง่าย เปรียบเสมือนครูที่อยู่ทั่วแดน
ไทยที่ต้องอดทนต่อสู้เพื่ออุดมการณ์และอุทิศตนเพื่อการศึกษาของชาติ
  ขณะเดียวกันทางคุรุสภาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดเทิดพระเกียรติพระคุณครู โดยปีนี้
องค์การค้าคุรุสภา ร่วมจัดงานวันครูอย่างยิ่งใหญ่ คือ งานสัปดาห์วันครู พ.ศ. 2541 ภายใต้หัวข้องาน "เทิดทูนพระคุณครู เชิดชูสินค้าไทยถูกใจในยุคประหยัด" ระหว่างวันที่ 14-18 มกราคม 2541 ตั้งแต่
เวลา 10.00-20.00 น. ณ อาคารนิมิบุตรสนามกีฬาแห่งชาติ
  สำหรับกิจการรมในงานนี้จะประกอบไปด้วยพิธีทำบุญตักบาตร พิธีรำลึกถึงพระคุณครู พิธีมอบรางวัล
และประกาศเกียรติคุณครู การแข่งขันฟุตบอลครูชิงถ้วยพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การประ-
กวดเพลงวันครูและคำขวัญวันครู ทั้งนี้องค์การค้าคุรุสภา ได้จัดให้มีการแสดงแสงเสียงเรื่องครูของแผ่นดิน การ
ประกวดร้องเพลง และการแสดงคีตลีลาประกอบการแสดงวงดนตรีจากค่าย Msquare ที่มีการออกร้านจำหน่าย
สินค้าในราคาถูก มีบัตรคารวะครูและกล้วยไม้วันครูหลากสีสัน เพื่อให้ศิษย์เก่า ศิษย์ใหม่... ได้ส่งความเคารพและ
ความปรารถนาดีไปยังคุณครูในวันนี้ การแสดงความระลึกถึงพระคุณครูในวันนี้น่าจะเป็นดอกไม้สักดอก การ์ด
สักใบ หรือจะเป็นคำพูดดี ๆ ที่จะมอบให้คุณครูได้ชื่นใจ ที่สำคัญคือผู้ที่เป็นศิษย์ที่ดีควรตั้งใจเรียน หมั่นศึกษา
หาความรู้เป็นเด็กดีของพ่อแม่ เป็นศิษย์ที่ดีควรตั้งใจเรียน หมั่นศึกษาหาความรู้เป็นเด็กดีของพ่อแม่ เป็นศิษย์ที่
น่ารักของคุณครูและเป็นคนดีของประเทศชาติ สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นของขวัญที่ครูอาจารย์ทุกท่าน อยากเห็นจาก
ศิษย์ของท่านทุกคนเพื่อช่วยพัฒนาประเทศต่อไป
  ขณะเดียวกันพวกเราก็มีความหลังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้าที่เปรียบเสมือนเปลว-

เปลวเทียนคอยส่องทางให้กับเด็กไทยจะสว่างไปถึงถิ่นทุรกันดารบนภูดอยที่อยู่ห่างไกล คงจะรับได้แสงสว่าง
เหมือน ๆ กัน เพราะเด็กด้วยโอกาสเหล่านั้นกำลังรอแสงสว่างจากความเมตตาผู้เป็นคุณครูของเด็กตัวน้อย ๆ
และขอแสดงความชื่นชมคุณครูทุกท่านที่อุทิศตนเพื่อเด็กในชนบทด้วยเลือดเนื้อและวิญญาณอย่างแท้จริง

  16 มกราคม
เราขอร่วมรำลึกและเทิดพระเกียรติ
พระคุณครูของเราทุกคน
ที่คอยส่องสว่างกับชีวิตของเรา
****************************************
ที่มา : หน้า 5 วาไรตี้ "นสพ.เดลินิวส์" รายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม 2541
 

หน้า 5 เรื่องโดย "จตุพร จินะราช"

 
กลับไปหน้าแรก