หลักและวิธีการอ่านการเขียนภาษาบาลี

ความหมายของบาลีหรือคำศัพท์ดั้งเดิมว่า ปาลิ
             ๑.แปลว่า “ภาษาอันรักษาไว้ซึ่งพุทธพจน์
”, ภาษาที่ใช้ทรงจำและจารึกรักษาพุทธพจน์แต่เดิมมา อันเป็นหลักในพระ
พุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ถือกันว่าได้แก่ภาษามคธ
             ๒. คัมภีร์พระพุทธศาสนาต้นเดิมที่เป็นพระพุทธวจนะ อันพระสังคีติกาจารย์รวบรวมไว้ คือคัมภีร์พระไตรปิฎกที่พระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ประชุมกันรวบรวมจัดสรรให้เป็นหมวดหมู่ในคราวปฐมสังคายนา, พระพุทธพจน์, ข้อความที่มาในพระไตรปิฎก

ความหมายของ " บาลี " หรือ " ปาลิ " ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๔๗๕ คือ ภาษาที่ใช้เป็นหลักในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท , พระพุทธพจน์ ( ป. , ส. , ปาลิ ) และตามปทานุกรม บาลี-อังกฤษ ของสมาคมบาลีปกรณ์ในประเทศอังกฤษแสดงไว้ ๒ รูป คือ ปาลิ, ปาฬิ ให้ความหมาย ๒ นัย คือ 
             ๑. แถว , แนว เช่น ทนฺตปาลิ แปลว่า แถวแห่งฟัน
             ๒.ปริยัติธรรม , ตำราธรรมของพระพุทธศาสนาที่เป็นหลักดั้งเดิมและใช้เป็นภาษาที่อธิบายขยายความพระพุทธพจน์ เช่น อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และโยชนา ตามลำดับ

ประวัติภาษาบาลี
             นักปราชญ์ทางภาษาและนักการศาสนาให้ความเห็นว่า คือ ภาษาท้องถิ่นของชาวมคธ และเป็นภาษาที่รวบรวมพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ในปัจจุบันเรียกว่าพระไตรปิฎก

จำนวนตัวอักษรภาษาบาลี
             ในภาษาบาลี มีตัวอักษรทั้งสิ้น ๔๑ ตัว เท่านั้น โดยแบ่งเป็น สระ ๘ ตัว ได้แก่

                          อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ

             สระในภาษาบาลี มี ๘ ตัว นี้ เมื่อนำไปใช้ก็เขียนแล้ว เฉพาะสระ อะ จะไม่ปรากฏรูปร่าง (สระ อะ จะไม่มีรูปลักษณะเป็น ะ) ส่วนอีก ๗ ตัว รูปสระจะยังคงตัว และสระทุกตัว นิยมอ่านออกเสียงเหมือนในภาษาไทย

ส่วนพยัญชนะในภาษาบาลี มีทั้งสิ้น ๓๓ ตัว ได้แก่

ก ข ค ฆ ง เรียกว่า ก วรรค
จ ฉ ช ฌ ญ เรียกว่า จ วรรค
ฏ ฐ ฑ ฒ ณ เรียกว่า ฏ วรรค
ต ถ ท ธ น เรียกว่า ต วรรค
ป ผ พ ภ ม เรียกว่า ป วรรค
พยัญชนะเศษวรรค เรียก อวรรค มี 8 ตัว คือ ย ร ล ว ส ห ฬ (เพราะ มีเสียงเกิดจากฐานต่างกันไป )

หมายเตุ พยัญชนะทุกตัวสระ "อะ" อยู่ในตัว เวลาอ่านต้อง อ่านว่า กะ ขะ คะ ฆะ งะ เป็นต้นเหมือนกันทุกวรรค

วิธีอ่าน และ เขียนภาษาบาลี

วิธีการอ่าน เขียน และสะกด ในภาษาบาลี มีหลักการกว้าง ๆ ดังต่อไปนี้
๑.พยัญชนะที่เขียนไว้โดด ๆ โดยไม่มีสระ ให้อ้านออกเสียง "สระ อะ" เสมอ เช่น

ตป อ่านว่า ตะ-ปะ
สติ อ่านว่า สะ-ติ
นโม อ่านว่า นะ-โม
ภควา อ่านว่า ภะ-คะ-วา
อาจริย อ่านว่า อา-จะ-ริ-ยะ
อรหโต อ่านว่า อะ-ระ-หะ-โต

๒.การสะกดในภาษาบาลี ท่านใช้ "พินทุ (  ฺ  )" เขียนไว้ใต้ตัวพยัญชนะ มีหลักในการเขียนและอ่านดังนี้

๒.๑ พยัญชนะที่ใช้พินทุ หรือจุด (  ฺ  )ไว้ใต้ จะใช้เป็นตัวสะกด เสมอ เช่น

ภิกฺขุ อ่านว่า ภิก-ขุ
อนิจฺจตา อ่านว่า อะ-นิด-จะ-ตา
อภิญฺญา อ่านว่า อะ-ภิน-ยา
เวสฺโส อ่านว่า เวด-โส

๒.๒ ถ้าพยัญชนะตัวหน้า ไม่มีสระอยู่ด้วย ท่านใช้พินทุหรือจุด (  ฺ  ) ที่อยู่ใต้พยัญชนะตัวหลัง เป็นไม้หันอากาศ เสมอ เช่น

ขนฺติ อ่านว่า ขัน-ติ
ตสฺส อ่านว่า ตัด-สะ
ปจฺจตฺตํ อ่านว่า ปัด-จัด-ตัง
สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อ่านว่า สำ-มา-สำ-พุด-ธัด-สะ

๒.๓ บางครั้ง ใช้พินทุ หรือจุดไว้ใต้พยัญชนะเพื่อให้เป็นตัวควบกล้ำ ในกรณีนี้ นิยมอ่านออกเสียกึ่งมาตรา เช่น

ตสฺมา อ่านว่า ตัด-สมา (เสียง สะ หน้า มา อ่านออกกึ่งมาตรา หรือ อ่านอย่างเร็ว)
พฺรูถะ อ่านว่า พรู-ถะ (เสียง พะ หน้า รู อ่านออกเสียงกึ่งมาตรา คล้ายตัวควบกล้ำ)
ยาตฺรา อ่านว่า ยาด-ตรา (เสียง ตะ หน้า รา ออกเสียงกึ่งมาตรา)
ภวตฺวนฺตราโย อ่านว่า ภะ-วัด-ตวัน-ตะ-รา-โย (เสียง ตะ หน้า รา ออกเสียงกึ่งมาตรา)
กตฺวา อ่านว่า กัต - ตวา ( เสียง ตะ หน้า วา ออก กึ่งมาตรา )
พฺยาธิ อ่านว่า พยา - ธิ ( เสียง พะ หน้า ยา ออกกึ่งมาตรา )
พฺราหฺมณ อ่านว่า พราม - มะ - ณะ ( เสียง พะ หน้า รา ออกเสียงกึ่งมาตรา )

๓.ภาษาบาลีใช้ "นิคคหิต" ซึ่งมีลักษณะเป็นตัววงกลมเล็ก ๆ อยู่บนตัวอักษร) เมื่อประกอบเข้ากับตัวอักษรแล้ว นิยมอ่านออกเสียงดังนี้

๓.๑ ถ้าอักษรตัวที่มีนิคคหิตอยู่ด้วยนั้น มีสระผสมอยู่ นิยมอ่านออกเสียงตัวนิคคหิตเป็นตัว ง สะกด (แม่กง) เช่น

สุคตึ อ่านว่า สุ-คะ-ติง
วิสุํ อ่านว่า วิ-สุง
เสตุํ อ่านว่า เส-ตุง
กาตุํ อ่านว่า กา-ตุง

๓.๒ ถ้าอักษรตัวที่มีนิคคหิตอยู่ด้วยนั้น ไม่มีสระผสมอยู่ นิยมอ่านออกเสียงตัวนิคคหิตเป็นสระ อัง เสมอ เช่น

มยํ อ่านว่า มะ-ยัง
อรหํ อ่านว่า อะ-ระ-หัง
พุทฺธํ อ่านว่า พุด-ทัง
ธมฺมํ อ่านว่า ทำ-มัง
สงฺฆํ อ่านว่า สัง-คัง