| ๑. สถานะเดิม
  พระอุบาลีเถระ นามเดิม อุบาลี 
              เป็นนามที่ญาติทั้งหลายตั้งให้ หมายความว่า ประกอบด้วย กายและจิตใกล้ชิดกับกษัตริย์ทั้งหลาย 
              เพราะออกไปบวชพร้อมกัน 
 บิดา และมารดาไม่ปรากฎนาม
 เกิดในเรือนของช่างกัลบก ของศากยกษัตริย์ในนครกบิลพัสดุ์
 ๒. ชีวิตก่อนบวช 
                อุบาลีนั้น ครั้นเจริญวัยแล้วได้เป็นสหายรักแห่งกษัตริย์ทั้ง 
              ๖ มีเจ้าอนุรุทธะเป็นต้น จึงได้รับ แต่งตั้งให้เป็นนายภูษามาลาประจำพระองค์ 
               ๓. การบวชในพระพุทธศาสนา 
                เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ที่อนุปิยอัมพวันแห่งมัลลกษัตริย์ทั้งหลาย 
              เมื่อพระโอรสของศากยกษัตริย์ทั้งหลายบวชกันเป็นจำนวนมาก เหล่าพระญาติเห็นศากยะ 
              ๖ พระองค์เหล่านี้ คือ ภัททิยราชา อนุรุทธะ อานันทะ ภคุ กิมพิละ และเทวทัต 
              ยังไม่ได้ออกบวช จึงสนทนากันว่า คนอื่นเขาให้ลูก ๆ บวชกัน คนจากตระกูลเรายังไม่ได้ออกบวชเลย 
              เหมือนกับไม่ใช่ญาติของพระศาสดา ในที่สุดกษัตริย์ทั้ง ๖ จึงตัดสินพระทัยออกบวช 
              โดยมีนายอุบาลีภูษามาลาตามเสด็จไปด้วย เมื่อเข้าสู่แว่นแคว้นกษัตริย์อื่น 
              จึงให้นายอุบาลีกลับ นายอุบาลีกลับมาได้หน่อยหนึ่ง ได้ตัดสินใจบวชบ้าง 
              แล้วได้ร่วมเดินทางไปกับ กษัตริย์ทั้ง ๖ นั้น จึงรวมเป็น ๗ คนด้วยกัน 
              เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ที่อนุปิยอัมพวัน กษัตริย์ทั้ง ๖ ได้กราบทูลว่า 
              ของพระองค์โปรดบวชให้อุบาลีก่อน ข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้ทำสามีจิกรรม 
              มีการอภิวาทเป็นต้นแก่เขา วิธีนี้จะทำให้มานะของพวกข้าพระองค์ สร่างสิ้นไป 
              พระศาสดาได้ทรงจัดการบวชให้พวกเขาตามประสงค์  ๔. การบรรลุธรรม 
                พระอุบาลีเถระนั้น ครั้นบวชแล้ว 
              เรียนกรรมฐานในสำนักพระศาสดาแล้วกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ 
              ขอพระองค์จงทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์อยู่ป่า พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ 
              เมื่ออยู่ป่า ธุระอย่างเดียวเท่านั้นจักเจริญงอกงาม แต่เมื่ออยู่ในสำนักของเรา 
              ทั้งวิปัสสนาธุระ และคันถธุระจะบริบูรณ์ พระอุบาลีนั้นรับพระดำรัสของพระศาสดาแล้ว 
              กระทำวิปัสสนากรรมฐาน ไม่นานก็ได้บรรลุพระอรหัต  ๕. งานประกาศพระพุทธศาสนา 
                พระศาสดาทรงสอนพระวินัยปิฎกทั้งสิ้นแก่พระอุบาลีนั้นด้วยพระองค์เอง 
              ท่านจึงเป็นผู้ทรงจำ และชำนาญในพระวินัยปิฎก ครั้นพระศาสดาเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว 
              ได้มีการทำสังคายนา พระธรรมวินัยครั้งแรกโดยมีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน 
              พระสงฆ์ได้เลือกท่านเป็นผู้วิสัชชนา พระวินัยปิฎก ทำให้พระพุทธศาสนาดำรงมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้ 
               ๖. เอตทัคคะ 
                ดังได้กล่าวแล้วว่า พระอุบาลีเถระ 
              ได้เรียนพระวินัยปิฎกทั้งหมดจากพระโอษฐ์ของพระศาสดา โดยตรง จึงมีความชำนาญในพระวินัย 
              ท่านได้วินิจฉัยเรื่องภารุกัจฉะ เรื่องอัชชุกะ และเรื่องกุมารกัสสปะ 
              ได้ถูกต้องตามธรรมวินัย เป็นเหตุให้พระศาสดาประทานสาธุการ และทรงถือเรื่องนั้นเป็นอัตถุปัตติเหตุ 
              (เป็นต้นเรื่อง) แล้วทรงตั้งท่านไว้ในฐานะที่เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย 
              ผู้เป็นวินัยธร (ผู้ทรงพระวินัย)  ๗. บุญญาธิการ 
                พระอุบาลีเถระนั้น ได้กระทำบุญญาธิการอันเป็นปัจจัยเกื้อกูลแก่พระนิพพานมานานแสนนาน 
              จนกระทั่งถึงสมัยแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ ได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ 
              อันสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ วันหนึ่งไปฟังธรรมของพระศาสดาได้เห็นพระศาสดาทรงตั้งภิกษุรูปหนึ่ง 
              ไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้ทรงพระวินัย ศรัทธา เลื่อมใส 
              ปรารถนาฐานันดรนั้น จึงสร้างสมบุญกุศลตลอดมาหลายพุทธันดร สุดท้ายได้สมปรารถนาในพระศาสนาของพระสมณโคดม 
              ศาสดาแห่งพุทธศาสนาในปัจจุบันนี้  ๘. ธรรมวาทะ 
                ข้าแต่พระธีรเจ้า ในนครธรรมของพระองค์นั้นมีศีลเป็นดังกำแพง 
              มีพระญาณเป็นดังซุ้มประตู ศรัทธาเป็นดังเสาระเนียด สังวรเป็นดังนายประตู 
              สติปัฏฐานเป็นดังป้อม ปัญญาเป็นดังทางสี่แพร่ง อิทธิบาทเป็นดังทางสามแพร่ง 
                พระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม 
              และพระพุทธพจน์อันมีองค์ ๙ ทั้งสิ้น เป็นดังธรรมสภา ในนครธรรมของพระองค์ 
                ยาสำรอกของบุคคลบางพวก เป็นยาถ่ายของบุคคลบางพวก 
              ยาพิษร้ายของบุคคลบางพวก เป็นยารักษาโรคของบุคคลบางพวก   ใคร ๆ เห็นผ้ากาสาวพัสด์อันเขาทิ้งไว้ที่หนทาง 
              เปื้อนของไม่สะอาด เป็นธงชัยของฤาษี พึงประนม มือไหว้ เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลาย 
              ย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยธงชัยนั้น  ๙. นิพพาน 
                พระอุบาลีเถระ ได้ช่วยพระศาสดาประกาศพระศาสนาในขณะที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ 
              และ หลังจากที่พระองค์ปรินิพพานแล้ว ก็ได้ร่วมทำสังคายนาครั้งแรก โดยเป็นผู้วิสัชชนาพระวินัย 
              สุดท้ายได้นิพพาน ดังประทีปที่โชติช่วงชัชวาลเต็มที่แล้วค่อย ๆ มอดดับไป 
               
 หนังสืออ้างอิง.-           -ธรรมสภา,อสีติมหาสาวก๘๐พระอรหันต์,ฉบับจัดพิมพ์เป็นธรรมทานในมงคลวาระคล้ายวันเกิด 
              คุณอำพัน-คุณสุมารัตน์ วิประกาษิต,กรุงเทพฯ, ๒๕๔๘, -บุญโฮม 
              ปริปุณฺณสีโล(ไชยฤทธิ์),พระมหา,คู่มือเรียนนักธรรมและธรรมศึกษาชั้นโท, 
              ฉบับพิมพ์โรเนียวเย็บเล่ม, สำนักศาสนศึกษาวัดท่าไทร จ.สุราษฎร์ธานี, 
              ๒๕๓๕
 -บุญโฮม 
              ปริปุณฺณสีโล(ไชยฤทธิ์),พระมหา,ปัญหาและเฉลยสำหรับนักธรรมและธรรมศึกษาชั้นโท, 
              ฉบับพิมพ์โรเนียวเย็บเล่ม, สำนักศาสนศึกษาวัดท่าไทร จ.สุราษฎร์ธานี, 
              ๒๕๓๕
 -ศูนย์พระสงฆ์นักเผยแผ่ธรรมะเพื่อพัฒนาสังคม,คู่มือธรรมศึกษาชั้นโท, 
              ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๓ พ.ศ.๒๕๔๗,โรงพิมพ์เอกพิมพ์ไท จำกัด,กรุงเทพฯ,๒๕๔๗
 |