"ขนมต้ม" ขนมแห่งศรัทธาและความเอื้ออารี
นำเสนอโดย
พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าไทร


Image          ขนมต้ม เป็นขนมประจำงานประเพณีชักพระ ที่มีความเป็นมาอันยาวนาน จากพุทธตำนาน ตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พุทธศาสนิกชนได้รับทราบกำหนดการเสด็จกลับของพระพุทธองค์ จึงได้มารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น พร้อมกับเตรียมภัตตาหารไปถวายด้วย แต่เนื่องจากพุทธศาสนิกชนที่มารอรับเสด็จมีจำนวนมาก จึงไม่สามารถจะเข้าไปถวายภัตตาหารถึงพระพุทธองค์ได้ทั่วทุกคน จึงจำเป็นต้องเอาภัตตาหารห่อใบไม้ส่งต่อๆกันเข้าไปถวาย ส่วนคนที่อยู่ไกลออกไปมาก ๆ จะส่งต่อก็ไม่ทันใจ จึงใช้วิธีห่อภัตตาหารด้วยใบไม้แล้วโยนไปใส่บาตรบ้าง

        ชาวพุทธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวใต้ ได้นำเหตุการณ์ดังกล่าวมาประยุกต์และคิดค้นรูปแบบของขนมที่สอดคล้องกับพุทธประวัติตอนดังกล่าวขึ้น เรียกว่า "ขนมต้ม" ลักษณะการทำจะใช้ข้าวเหนียวผัดกับน้ำกะทิ เกลือ น้ำตาล ผัดให้น้ำกะทิแห้ง แล้วนำไปห่อด้วยยอดใบกระพ้อเป็นรูปสามเหลี่ยมอย่างมิดชิดก่อนนำไปต้มหรือนึ่งจนสุก บางแห่งเรียกขนมต้มนี้ว่า "ข้าวต้มลูกโยน"

        วัตถุประสงค์ของการทำขนมต้ม เพื่อทำบุญเรือพระ ถวายแด่พระสงฆ์ และแจกจ่ายให้แก่คนลากพระและเพื่อนบ้าน ซึ่งนับเป็นการทำบุญและทำทานไปในคราวเดียวกัน ปัจจุบันการทำขนมต้มในระดับครัวเรือนมีน้อยลง เนื่องจากสภาพสังคมเปลี่ยนไป ส่งผลให้แต่ละครัวเรือนไม่สะดวกจะทำขนมต้ม แต่ชาวสุราษฎร์ธานียังยึดมั่นในการทำใช้ขนมต้มในการทำบุญในงานประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่าอย่างต่อเนื่อง ที่มาของขนมต้มในปัจจุบันอาจมาจากซื้อจากตลาดมากกว่าทำเองในครัวเรือน

Image        แม้ว่าการทำขนมต้มในระดับครัวเรือนจะลดน้อยลง แต่วัดต่าง ๆ ที่ทำเรือพระยังคงสืบสานการทำขนมต้มในระดับชุมชนไว้ เนื่องจากการเคลื่อนเรือพนมพระสู่เป้าหมายจะต้องใช้คนเป็นจำนวนมากและใช้เวลานาน วัดจึงจัดทำขนมต้มสำหรับไว้เลี้ยงคณะลากเรือพระ ขนมต้มเป็นข้าวเหนียวจึงสามารถลดความหิวให้แก่คณะได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นแล้ววัดต่าง ๆ ยังทำมาเผื่อสำหรับบุคคลทั่วไปด้วย เพื่อแสดงถึงความมีน้ำใจของชาวหมู่บ้านที่มากับเรือพระ การทำขนมต้มในระดับชุมชนของวัดต่าง ๆ โดยวัดจะหาเจ้าภาพจัดหาข้าวเหนียว น้ำตาล ใบกระพ้อ ฯลฯ และเชิญชวนคนใกล้วัดมาช่วยกันห่อขนมต้มก่อนถึงวันชักพระ ปัจจุบันวัดที่ทำขนมต้มสำหรับคณะเรือพระ และพุทธศาสนิกชนอื่น ๆ ที่เด่นชัดที่สุดคือ "วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี" ซึ่งมี พระเทพพิพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเจ้าอาวาส ได้ทำขนมต้มสำหรับสนับสนุนงานชักพระของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และได้จัดให้มีประเพณี "ห่อข้าวต้มลูกโยนวัดท่าไทร" ขึ้น

 

 

Image        การริเริ่มประเพณีห่อข้าวต้มลูกโยนของวัดท่าไทร น่าจะจัดขึ้นมาพร้อมกับการจัดให้มีงานประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่าของวัดท่าไทร แต่ที่จัดเป็นกิจกรรมใหญ่โตเด่นชัดที่สุด ก็เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๕ พระเทพพิพัฒนาภรณ์ เจ้าอวาสรูปปัจจุบัน ได้เชิญชวนพุทธบริษัทร่วมกันจัดทำข้าวต้มลูกโยนอย่างจริงจังขึ้นและจัดทำเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน โดยในแต่ละปี จะใช้ "ข้าวสารเหนียว เขี้ยวงู" ประมาณ ๖๔-๙๙ ถัง ตามโอกาสที่เห็นสมควร ในแต่ละปีจะมีชาวบ้านหลายร้อยคนจากหลายอำเภอทั้งใกล้และไกล และจากต่างจังหวัดได้มาช่วยกันทำขนมต้มในวัดท่าไทร ในวันขึ้น ๑๔-๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ตั้งแต่เช้ามืดจนดึก เพื่ออนุรักษ์ประเพณี เพื่อฝึกเยาวชนและประชาชนให้รู้จักห่อข้าวต้มลูกโยน เพื่อความสามัคคีของประชาชน และเพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนที่มาร่วมงานและทำบุญในงานประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาวของจังหวัดสุราษฎร์ธานี จนกระทั่งมีคำพูดกันว่า "มาร่วมงานชักพระ-ทอดผ้าป่าจังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้ว หากไม่ได้กินขนมต้มก็เหมือนกับไม่ได้มาร่วมงาน" และล่าสุด ในระยะ ๕ ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี ๒๕๕๒-๒๕๕๖ วัดท่าไทรได้กำหนดจัดทำขนมต้มเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยใช้จำนวนถังของข้าวสารเหนียวเขี้ยวงูที่ใช้ในการทำขนมต้ม จำนวน ๘๒,๘๓,๘๔,๘๕ และ ๘๖ ถัง ตามลำดับ

        งานประเพณีห่อข้าวต้มลูกโยน(ขนมต้ม) ของวัดท่าไทร ได้มีการสืบสานอย่างต่อเนื่องมายาวนานกว่า ๓๓ ปี ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะศรัทธาและความเอื้ออารี ทั้งของพระเทพพิพัฒนาภรณ์(ชูชาติ กนฺตวณฺณมหาเถร) พระภิกษุสามเณร ศิษยานุศิษย์วัดท่าไทร และประชาชนพุทธบริษัททั้งใกล้ไกลที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสานประเพณี "แทงต้ม".. ร่วมคิด ร่วมพูด ร่วมทำ ร่วมเผยแผ่ ร่วมอนุรักษ์ และร่วมบริจาคมะพร้าว ข้าวเหนียว น้ำตาล ถั่ว ใบกระพ้อ แก๊สหุงต้ม ไม้ฟืน ฯลฯ เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตข้าวต้มลูกโยน "มรดกพุทธ มรดกใต้ มรดกไทย มรดกโลก มรดกมนุษยชาติ" ให้คงอยู่จนกระทั่งปัจจุบัน … ดังนั้น หากจะพูดว่า "ขนมต้ม เป็นขนมแห่งศรัทธาและความเอื้ออารี" ก็คงจะไม่ไกลเกินจริง

--------
ข้อมูลที่ควรดูเพิ่มเติม
      ภาพประเพณีห่อข้าวต้มลูกโยน

--------------

เอกสารอ้างอิง.-
        กรมการศาสนา, นางวันดี จันทร์ประดิษฐ์, นายสุวรรณ กลิ่นพงศ์, พิธีกรรมและประเพณี,กรุงเทพฯ, โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด,๒๕๕๒
        กรมศิลปากร กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์(๒๕๓๗), ประเพณีชักพระ, กรมศิลปากร กรุงเทพฯ,๒๕๓๗
       
ครอบครัว หลาน เหลน โหลน คุณยายพยอม,กำเนิดประเพณีการทอดผ้าป่าของวัดท่าไทร และของจังหวัดสุราษฎร์ธานี, ไม่ปรากฏชื่อโรงพิมพ,์ ซึ่งพิมพ์แจกเป็นที่ระลึกในงานประเพณีชักพระทอดผ้าป่าออกพรรษาของวัดท่าไทร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘.
        จังหวัดสุราษฎร์ธานีและเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี, สูจิบัตรงานประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาว ประจำปี ๒๕๔๖ จังหวัดสุราษฎร์ธานี, โรงพิมพ์สุวรรณอักษร, สุราษฎร์ธานี ๒๕๔๖
        นายพร้อม ถาวรสุข, สุนทรพจน์ในงานแห่พระประจำปีของจังหวัดสุราษฎร์ธานี, ๘ ตุลาคม ๒๔๙๒ ซึ่งพิมพ์แจกเป็นที่ระลึกในงานแห่พระประจำปี ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๔๙๓, โรงพิมพ์รัตนมีศรี, บ้านดอน สุราษฎร์ธานี, ๒๔๙๓
        บุญโฮม ปริปุณณสีโล,พระมหา, คู่มืออุบาสกอุบาสิกาวัดท่าไทร, สุราษฎร์ธานี, ๒๕๔๐
        บุญโฮม ปริปุณณสีโล,พระมหา,ประวัติพระครูดิตถารามคณาศัย(พลวงพ่อชม คุณาราโม) วัดท่าไทร, สุราษฎร์ธานี, ๒๕๔๓
        บุญโฮม ปริปุณณสีโล,พระมหา,ประวัติประเพณีทอดผ้าป่าวัดท่าไทร,
นสพ.กระแสข่าวทักษิณ ปีที่ ๑ ฉบับประจำเดือน พฤศจิกายน ๒๕๔๗ หน้า ๑๒ คอลัมน์ศาสนา
        ประเพณีไทย ฉบับพระมหาราชครู,กรุงเทพฯ, โรงพิมพ์ ลูก ส.ธรรมภักดี, ๒๕๑๘
        สมปราชญ์ อัมมะพันธุ์,ประเพณีท้องถิ่นภาคใต้, กรุงเทพฯ. สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.๒๕๔๘
        สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี.ชักพระ-ทอดผ้าป่าจังหวัดสุราษฎร์ธานี, โครงการมหัศจรรย์วัฒนธรรมศรีวิชัย ศิลป์ไทย ศิลป์ถิ่น ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปี ๒๕๕๗ จังหวัดสุราษฎร์ธานี,๒๕๕๗


กลับไปหน้า Web วัดท่าไทร
ไป Web สำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๖

ไป Web ศูนย์พัฒนาคุณธรรมภาคใต้
ไป Web วิทยุชุมชนตำบลท่าทองใหม่
ไป Web ชมรมวีอาร์ร้อยเกาะสุราษฎร์ธานี