วันครู 
                    เป็นระลึกถึงความสำคัญของครู ประเทศส่วนใหญ่เป็นวันหยุดของครูและนักเรียน 
                    และบางประเทศมีการจัดงานเลี้ยงสำหรับครู
                  ครู หมายถึง 
                    ผู้อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง 
                    ของสังคมและประเทศชาติ, 
                  ครูนับเป็นปูชนียบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมาก 
                    ในการให้การศึกษาเรียนรู้ ทั้งในด้านวิชาการ และประสบการณ์ ตลอดจนเป็นผู้มีความเสียสละ 
                    ดูแลเอาใจใส่สั่งสอนอบรมให้เด็กได้พบกับแสงสว่างแห่งปัญญา อันจะเป็นหนทางในการประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเอง 
                    รวมทั้งการนำพาสังคมประเทศชาติก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
                  ด้วยเห็นความสำคัญของครูดังกล่าวมาแล้วนั้น 
                    จึงได้กำหนดให้มีวันครูขึ้น ในวันที่ ๑๖ มกราคม ของทุกปี เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที 
                    และให้ครูเป็นผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูในสังคม
                  วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 
                    ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๐ สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี 
                    พ.ศ. ๒๔๘๘ ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภาเป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา 
                    โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา 
                    และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษา ควบคุมจรรยาและวินัยของครู 
                    รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร 
                    ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู ด้วยเหตุนี้ในทุก ๆ ปี 
                    คุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา 
                    และซักถามปัญหาข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัยสถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ 
                    หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา
                   ปี 
                    พ.ศ. ๒๔๙๙ ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม 
                    นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่าที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า 
                    เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย 
                    ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บันดาลูกศิษย์ทั้งหลาย 
                    ได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ 
                    วันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ 
                    ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย 
                    ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง จากแนวความคิดนี้ 
                    กอปรกับความคิดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่น ๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ 
                    ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมาก 
                    ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติเห็นควรให้มีวันครูเพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป 
                    โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ 
                    ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครูและเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกันประชาชน 
                    ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ ให้วันที่ 
                    ๑๖ มกราคมของทุกปีเป็น วันครู โดยเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 
                    ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็นวันครูและให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าวได้ 
                    
                   
                  การจัดงานวันครู 
                    
                  การจัดงานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 
                    ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน 
                    งานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี 
                    อนุสรณ์ที่สำคัญคือ หนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู 
                    และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ
                  
                  การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรม 
                    ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลา ในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครู 
                    จะมีกิจกรรม ๓ ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ 
                  ๑. กิจกรรมทางศาสนา 
                    
                  ๒. พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ 
                    ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ 
                    
                  ๓. กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู 
                    ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬาหรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็น 
                  
                  ปัจจุบันการจัดงานวันครู 
                    ได้มีการกำหนดให้จัดพร้อมกันทั่งประเทศ สำหรับในส่วนกลางจัดที่หอประชุมคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการจัดงานวันครู 
                    ซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ประกอบด้วยบุคคลหลายอาชีพร่วมกันเป็นผู้จัด 
                    สำหรับส่วนภูมิภาคมอบให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ โดยตั้งคณะกรรมการจัดงานวันครูขึ้นเช่นเดียวกับส่วนกลางจะจัดรวมกันที่จังหวัดหรือแต่ละอำเภอก็ได้
                  รูปแบบการจัดงานในส่วนกลาง 
                    (หอประชุมคุรุสภา) พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 
                    ประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการจัดงานวันครู 
                    พร้อมด้วยครูอาจารย์และประชาชนร่วมกันใส่บาตรพระสงฆ์ จำนวน ๑,๐๐๐ 
                    รูป หลังจากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานจะเข้าร่วมพิธีในหอประชุมคุรุสภา 
                    นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานในงาน ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ 
                    นายกรัฐมนตรีบูชาพระรัตนตรัย ประธานสงฆ์ให้ศีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรี 
                    เสร็จแล้วพิธีบูชาบูรพาจารย์โดยครูอาวุโสนอกประจำการจะเป็นผู้กล่าวนำพิธีสวดคำฉันท์รำลึกถึงประคุณบูรพาจารย์ 
                    
                   
                  มารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู 
                    
                  ๑. เลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ 
                    
                  ๒. ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ 
                    ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น 
                  ๓. ตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่ 
                    อุทิศเวลาของตน ให้แก่ศิษย์ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่การงานไม่ได้ 
                    
                  ๔. รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว 
                    ห้ามประพฤติการใด ๆ อันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียงของครู 
                    
                  ๕. ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา 
                    และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าที่การงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา 
                    
                  ๖. ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง 
                    ไม่นำหรือยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริตหรือเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ 
                    
                  ๗. ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการ 
                    โดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างเป็นผลงานของตน และไม่เบียดบังใช้แรงงานหรือนำผลงานของผู้อื่นไป 
                    เพื่อประโยชน์ส่วนตน 
                  ๘. ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต 
                    และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความเที่ยงธรรมไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง 
                    หรือผู้อื่นโดยมิชอบ 
                  ๙. สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ 
                    รักษาความลับของศิษย์ ของผู้ร่วมงานและของสถานศึกษา 
                  ๑๐. 
                    รักษาความสามัคคีระหว่างครูและช่วยเหลือกันในหน้าที่การงาน 
                   
                  คำปฏิญาณตนของครู 
                    
                  ข้อ 
                    ๑. ข้าจะบำเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
                  ข้อ 
                    ๒. ข้อจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
                  ข้อ 
                    ๓. ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็น 
                   
                  กิจกรรมทางศาสนา.-
                  -พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ 
                    ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ 
                    
                  -กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู 
                    ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬาหรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็นนายกรัฐมนตรีมอบรางวัลครูดีเด่นประจำปี 
                    มอบของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอกและในประจำการจรรยา
                  วันราชประชาสมาสัย 
                    โรคเรื้อนเป็นโรคติดต่อจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง 
                    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อน 
                    จึงได้พระราชทานทุนอานันทมหิดลให้กระทรวงสาธารสุข เพื่อเป็นกองทุนก่อตั้งสถาบันราชประชาสมาภัย 
                    สำหรับใช้เป็นสถานศึกษา ค้นคว้า วิจัย ฝึกอบรม และเผยแพร่ความรู้โรคเรื้อน 
                    โดยได้เสด็จวางศิราฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๐๑ และได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดอาคารสถาบันราชประชาสมาสัยและได้พระราชทานเงินส่วนที่เหลือจากการก่อสร้างสถาบันราชประชาสมาสัยเป็นทุนจัดตั้งมูลนิธิราชประชาสมาสัย 
                    ในบรมราชูปถัมภ์ ดังนั้น มูลนิธิราชประชาสมาสัย จึงได้ถือเอา 
                    วันที่ ๑๖ มกราคม ของทุกปีเป็นวันราชประชาสมาสัย 
                  กิจกรรม.-จัดสัปดาห์ราชประชาสมาสัย 
                    มีกิจกรรมเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรณรงค์เผยแพร่ความรู้เรื่องโรคเรื้อน 
                    ปัจจุบันได้มีการรณรงค์เรื่องการดูแลเด็กที่เกิดจากพ่อแม่ติดเอดส์ด้วย 
                    
                  
                  หน่วยประสานงาน 
                    มูลนิธิราชประชาสมาสัย ในบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข 
                    
                  
                  วันโคนมแห่งชาติ 
                    การเลี้ยงโคนมในประเทศไทยเริ่มขึ้นประมาณปี ๒๕๐๓ ต่อมาในปี ๒๕๐๕ 
                    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 
                    และพระเจ้าเฟรเดริคที่ ๘ แห่งเดนมาร์ค ทรงประกอบพิธีเปิดฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย- 
                    เดนมาร์ค อย่างเป็นทางการ นับเป็นจุดเริ่มต้นการเลี้ยงโคนมและอุตสาหกรรมโคนมอย่างจริงจัง 
                    รัฐบาลจึงกำหนดให้วันที่ ๑๖ มกราคมของทุกปีเป็นโคนมแห่งชาติ 
                    
                  กิจกรรม.-
                  - เผยแพร่ความรู้กิจการฟาร์มโคนม 
                    อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปนม จัดประกวดธิดาโคนม 
                    - ขายผลิตภัณฑ์นมและสินค้าราคาถูก 
                    และการประกวดอื่นๆ เกี่ยวกับสุขภาพ อาจพิจารณาให้ความรู้เรื่องนมในแง่ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ