เหตุการณ์ในอดีตประจำเดือน กันยายน
รวมเรื่องราวที่เกิดในอดีตทุกเดือนเพื่อเป็นข้อมูลแก่ผู้สนใจศึกษา ค้นคว้า
โดย... พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล (ไชยฤทธิ์) วัดท่าไทร จ.สุราษฎร์ธานี

เกร็ดน่ารู้ในเดือน กันยายน.-

วันในสัปดาห์ ของวันแรกในเดือนกันยายน ตรงกับเดือนธันวาคมเสมอ

ดอกไม้ประจำเดือนกันยายน คือ ดอกผักบุ้งฝรั่ง

อัญมณีประจำเดือนเกิดของเดือนกันยายน คือ แซปไฟร์

๑ กันยายน : วันสืบนาคะเสถียร

สืบ นาคะเสถียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัด อุทัยธานี แลกชีวิตของตนเองเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๓๓ เพื่อปลุกจิตสำนึกของคนในสังคมให้ตื่นขึ้น ให้รับทราบความเป็นไปของสถานการณ์ป่าไม้ และสัตว์ป่าเมืองไทย คุณสืบ ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นจริงจังใน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ภายหลังการเสียชีวิตของคุณสืบ ๑๘ วัน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ได้รับการก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๓๓? วันเดียวกับการครบรอบ ๙๔ ปีของกรมป่าไม้ หน่วยงานต้นสังกัดของนักอนุรักษ์นี้

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ กำหนดขอบข่ายและทิศทางการทำงานไว้ ๕ ประการ คือ

๑.การสนับสนุนการจัดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร ตลอดจนผืนป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ

๒.การปรับปรุงสวัสดิการเพื่อการเสริมสร้างขวัญ และกำลังใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

๓.งานรณรงค์ป้องกันรักษาผืนป่าอนุรักษ์และทรัพยากรธรรมชาติ ภายใต้การรณรงค์แนวความคิด "ไม่มีป่า ไม่มีน้ำ"

๔.งานประชาสัมพันธ์และปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม เพื่อขยายแนวร่วม และเผยแพร่งานอนุรักษ์ส่วนกว้าง

๕.งานส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจัยสัตว์ป่า โดยจัดตั้งกองทุนสัตว์ป่าขึ้น

ประวัติสืบ นาคะเสถียร

สืบ นาคะเสถียรหรือนามเดิมชื่อ"สืบยศ" เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ ที่ตำบลท่างาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี บิดาชื่อ นายสลับ นาคะเสถียร เคยดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด ปราจีนบุรี มารดาชื่อ นางบุญเยี่ยม นาคะเสถียร สืบ นาคะเสถียรมีพี่น้องทั้งหมด ๓ คน โดยสืบ นาคะเสถียร เป็นบุตรชายคนโต น้องชายและน้องสาวอีก ๒ คนคือคุณกอบกิจ นาคะเสถียรและคุณกัลยา รักษาสิริกุล คุณสืบมีบุตรสาว ๑ คน ชื่อชินรัตน์ นาคะเสถียร ในวัยเด็ก สืบ นาคะเสถียร ได้ช่วยงานในนาของมารดา ทำงานอยู่กลางแจ้งทั้งวันโดยไม่ปริปากบ่น บุคลิกประจำตัว คือเมื่อเขาสนใจหรือตั้งใจทำอะไรแล้วก็จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จ ครั้นเรียนจบชั้นประถม ๔ ต้องจากครอบครัวไปเรียนอยู่ที่ โรงเรียนเซนหลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จนกระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕

พ.ศ.๒๕๑๑ เข้าศึกษาในคณะวนศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สืบมีความตั้งใจในการศึกษาอย่างเต็มประสิทธิภาพและเข้าร่วมกิจกรรมนิสิต โดยเป็นที่ทราบกันดีระหว่างผู้ใกล้ชิดว่า สืบ นาคะเสถียร เป็นผู้มีใจรักศิลปะ และสูงส่งในเชิงมนุษยสัมพันธ์ มีระเบียบในการดำเนินชีวิตในสมัยเรียนอย่างมีแบบแผน

พ.ศ.๒๕๑๔ จบการศึกษาจาก คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ต่อมา พ.ศ.๒๕๑๖ สืบ นาคะเสถียร เข้าทำงานที่ส่วนสาธารณะของการเคหะแห่งชาติ

พ.ศ.๒๕๑๗ สืบเข้าศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิชาวนวัฒน์วิทยา ที่คณะวนศาสตร์ มหาลัยเกษตรศาสตร์ จนสำเร็จการศึกษา

และ ในปีพ.ศ.๒๕๑๘ ได้เริ่มชีวิตข้าราชการ โดยบรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ และเริ่มชีวิตข้าราชการกรมป่าไม้

เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๘ ใน กองอนุรักษ์สัตว์ป่า ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงหน่วยงานเล็ก ๆ ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น เขาตัดสินเลือกกองนี้เพราะต้องการทำงาน เกี่ยวกับสัตว์ป่ามากกว่างานที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ ป่าไม้โดยตรง สืบ เริ่มงานครั้งแรกที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาเขียว-เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรี ได้ผลักดันให้สืบ ต้องเข้าไปทำหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย อย่างเลี่ยงไม่พ้น ที่นั่นเขาได้จับกุม ผู้บุกรุกทำลายป่าโดยไม่เกรงอิทธิพลใด ๆ ผู้ต้องหาล้วนได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพนิ่มนวล และที่นี่ สืบเริ่มเรียนรู้ว่า การเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ซื่อสัตย์ นั้นเจ็บปวดเพียงไหน

สืบ ทำงาน อยู่ ๓-๔ ปี ในปี พ.ศ.๒๕๒๒ สืบก็ได้รับทุนจาก British Council ไปเรียนระดับปริญญาโท สาขาอนุรักษ์วิทยาที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ จากนั้น พ.ศ.๒๕๒๔ กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าเขต ห้ามล่าสัตว์ป่า บางพระ มีส่วนร่วมในการจัดการและประสานงาน รวมทั้งเป็นวิทยากร ฝึกอบรมพนักงาน พิทักษ์ป่าอีกหลายรุ่น

จนกระทั่ง พ.ศ.๒๕๒๖ สืบได้ขอย้ายตัวเอง เข้ามาเป็นนักวิชาการ กองอนุรักษ์สัตว์ป่า ทำหน้าที่วิจัยสัตว์ป่าเพียงอย่างเดียว "ผมหันมาสนใจงานวิจัยมากกว่าที่จะวิ่งไปจับคน เพราะรู้ว่าจับได้แต่คนตัวเล็ก ๆ ตัวใหญ่ ๆ จับไม่ได้ก็เลย อึดอัดว่ากฎหมายบ้านเมืองนั้นมันใช้ไม่ได้กับทุกคน มันเหมือนกับว่าเราไม่ยุติธรรมเรารังแกชาวบ้าน"

ใน ระยะนี้ เป็นจังหวะที่สืบได้แสดงความเป็นนักวิชาการออกมาอย่างเต็มที่ งานวิจัยศึกษาสัตว์ป่าเป็นงานที่สืบ ทำได้ดีและมีความสุขในการทำงานวิชาการมาก สืบรักงานด้านนี้เป็นชีวิต จิตใจ อันเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาได้ผูกพัน กับสัตว์ป่าอย่างจริงจัง เขาเริ่มใช้เครื่องมือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง วีดีโอ กล้องถ่ายภาพนิ่งและการสเก็ตซ์ภาพ ในการบันทึกงานวิจัยทั้งหมด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้กลาย เป็นผลงานการวิจัยสัตว์ป่าชิ้นสำคัญของเมืองไทยในเวลาต่อมา

และใน เวลา ต่อมา พ.ศ.๒๕๒๙ สืบได้รับมอบหมาย ปฏิบัติงานในหน้าที่ หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้าง ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เขื่อนรัชชประภา (เชี่ยวหลาน) จังหวัด สุราษฏร์ธานี ให้เข้าไปช่วยเหลืออพยพสัตว์ป่าที่ตกค้าง ในอ่างเก็บน้ำ ซึ่งเกิดจากการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน สืบได้ทุ่มเทเวลาให้กับการกู้ชีวิตสัตว์ป่าที่หนีภัยน้ำท่วม โดยไม่ได้นึกถึง ความปลอดภัยของตนเองเลย จากการทำงานชิ้นดังกล่าวสืบ นาคะเสถียรเริ่มเข้าใจ ปัญหาทั้งหมดอย่างถ่องแท้ เขาตระหนักว่าลำพังงาน วิชาการเพียงอย่างเดียว ย่อมไม่อาจหยุดยั้งกระแส การทำลาย ป่าและสัตว์ป่าอันเป็นปัญหา ระดับชาติได้ ดังนั้น เมื่อมีกรณี รัฐบาลจะสร้างเขื่อนน้ำโจน ในบริเวณทุ่งใหญ่ฯ สืบจึงโถมตัวเข้าคัดค้านเต็มที่

พ.ศ.๒๕๓๑ สืบได้กลับเข้ามารับราชการที่กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ และต่อมา พ.ศ.๒๕๓๒ สืบ นาคะเสถียร ได้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าเขต รักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

สืบ ได้พยายามในการที่จะเสนอให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และห้วยขาแข้งมีฐานะเป็นมรดกของโลก โดยได้รับการยกย่องอย่างเป็นทางการ จากองค์การ สหประชาชาติ สืบเล็งเห็นว่า ฐานะดังกล่าวจะเป็นหลักประกัน สำคัญที่คอยคุ้มครองป่าผืนนี้เอาไว้ อย่างถาวร ปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๒ สืบได้รับทุน ไปเรียนต่อระดับปริญญาเอก ที่ประเทศอังกฤษ พร้อม ๆ กับได้รับมอบหมาย ให้ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นป่าอนุรักษ์ที่มีความสำคัญมากไม่แพ้ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร แต่ในที่สุด สืบ ก็ตัดสินใจเดินทางเข้ารับตำแหน่ง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง แม้จะรู้ดีว่าหนทางข้างหน้าเต็มไปด้วย ความยากลำบากนานัปการ

เช้า มืดวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ สืบ นาคะเสถียร ตัดสินใจผ่าทางตันด้วยการสั่งเสียลูกน้อง คนสนิท และเขียนจดหมายสั่งลา ๖ ฉบับ ชำระสะสางภาระ รับผิดชอบและทรัพย์สินส่วนตัวที่คั่งค้าง มอบหมาย เครื่องใช้ และอุปกรณ์ในการศึกษาวิจัยด้านสัตว์ป่า ให้สถานีวิจัย สัตว์ป่าเขานางรำ เพื่อนำไปใช้ตาม วัตถุกระสงค์ดังกล่าว ตั้งศาลเพื่อแสดงความคารวะต่อ ดวงวิญญาณของเจ้าหน้าที่ ซึ่งพลีชีพรักษาป่าห้วยขาแข้ง แล้วสวดมนต์ไหว้พระ จนจิตใจสงบขณะที่ฟ้ามืดกำลัง เปิดม่านรับวันใหม่ เสียงปีนดังขึ้นนัดหนึ่งในราวป่าลึก ที่ห้วยขาแข้ง สืบ นาคะเสถียร ก็ปิดม่านชีวิตของเขาลง และเป็นบทเริ่มต้น ตำนานนักอนุรักษ์ไทย สืบ นาคะเสถียร ผู้ที่รักป่าไม้ สัตว์ป่าและธรรมชาติ ด้วยกาย วาจา และหลังจากนั้นอีกสองอาทิตย์ต่อมา ห่างจากบริเวณที่เกิดเสียงปืนดังขึ้นไม่กี่สิบเมตรบรรดาเจ้าหน้าที่ ระดับสูงของกรมป่าไม้ รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายทหาร นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ นายอำเภอ ป่าไม้เขต และ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อีกนับร้อยคน ต่างกุลีกุจอมาประชุมกันที่ห้วยขาแข้ง อย่างแข็งขัน เพื่อหามาตรการป้องกันการบุกรุก ทำลายป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง สืบ นาคะเสถียร รอวันนี้มาตั้งแต่วันแรกที่เขามาดำรงตำแหน่ง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้แล้ว แต่หากไม่มีเสียงปืนนัดนั้น การประชุมดังกล่าวก็คงไม่เกิดขึ้นเช่นกัน...

การจากไปของเขานับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นความสูญเสียที่นักอนุรักษ์ธรรมชาติทุกคน ไม่อาจปล่อยให้ผ่านพ้นไป โดยปราศจากความทรงจำ

ขอบคุณที่มา : มูลนิธิ สืบ นาคะเสถียร

๑ กันยายน ๒๔๑๑

ออกหนังสือพิมพ์รายวันฉบับแรกของไทย โดยพิมพ์ที่โรงพยาบาลหมอสมิท ชื่อ Siam Daily Advertiser

๑ กันยายน ๒๔๓๙

ตั้งโรงเรียนราชวิทยาลัย ที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)

๑ กันยายน ๒๔๕๒

เริ่มงานการทำบัญชีสำมะโนครัวในเมืองไทย คือ (การจดบัญชีคนเกิดคนตาย คนย้ายที่อยู่)

๒ กันยายน ๒๓๘๕

วางศิลาฤกษ์เสริมสร้างพระปรางค์วัดอรุณ ฯ จากความสูง ๘ วา เป็นสูง ๑ เส้น ๑๓ วา หรือ ๖๖ เมตร

๒ กันยายน ๒๔๕๔

มีพิธีเข้าประจำกองลูกเสือเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (วชิราวุธวิทยาลัย) กิจการลูกเสือเกิดขึ้นเมื่อ ๑ กรกฎาคม ๒๔๕๔ และได้พระราชทานธงประจำกองลูกเสือ เมื่อ ๑๖ กันยายน ๒๔๕๔ กิจการลูกเสือเกิดขึ้นหลังกิจการ “เสือป่า”

๒ กันยายน ๒๔๕๖

ตรากฎสำหรับทหารกองหนุน

๓ กันยายน ๒๔๒๘

ตั้งกรมแผนที่

๔ กันยายน ๒๓๕๑

วันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระนามเดิมเจ้าฟ้าน้อย พระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเป็นองค์ที่ ๒ ในสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์

๔ กันยายน ๒๔๒๘

ยุบกองทหารวังหน้า มารวมกับกองทหารวังหลัง บางส่วนจัดเป็นกองตระเวนทางน้ำ

๔ กันยายน ๒๔๒๘

มีพระบรมราชโองการ ให้ประกาศยกเลิกตำแหน่ง กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หลังจากที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ทิวงคต เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๘

๕ กันยายน ๑๘๖๓

ที่กลางเวียงเชียงใหม่ เกิดฟ้าผ่าต้องพ่อขุนเม็งราย สวรรคต รวมพระชนมายุ ๘๑ พรรษา

๕ กันยายน ๒๔๑๕

ตั้งห้างแรมเซเวกฟิลด์ ที่ตึกกรมประชาสัมพันธ์หลังเก่า ต่อมาเป็นห้างแบดแมน เป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรก

๕ กันยายน ๒๔๑๙

ตั้งหอมิวเซี่ยม (พิพิธภัณฑ์) ที่ศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง ให้ทหารมหาดเล็กรับผิดชอบ

๕ กันยายน ๒๔๘๒

ไทยได้ประกาศตัวเป็นกลางในสงครามโลกครั้งที่ ๒ หลังจากที่อังกฤษและฝรั่งเศส ประกาศสงครามกับ เยอรมันนี เมื่อ ๓ กันยายน ๒๔๘๒ แล้วคู่สงครามทั้งสองฝ่าย ต่างมีหนังสือยืนยันว่า จะเคารพความเป็นกลางของไทยอย่างบริบูรณ์

๖ กันยายน ๒๔๕๘

ตั้งมณฑลมหาราษฎร์ ตั้งศาลาว่าการมณฑลที่จังหวัดแพร่ โดยแยก จังหวัดลำปาง แพร่ น่าน ออกจากมณฑลพายัพ ต่อมาได้ยุบมณฑลมหาราษฎร์ เมื่อ ๑ มกราคม ๒๔๕๙

๖ กันยายน ๒๔๘๗

ญี่ปุ่นระดมเชลยศึกสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว กาญจนบุรี

๗ กันยายน ๒๓๓๓

ชาวเมืองยอง ๕๘๕ ครัวเรือน ในแคว้นไทยใหญ่อพยพมาอยู่เมืองน่าน

๗ กันยายน ๒๓๕๒

ร.๑ เสด็จสวรรคต พระชนมายุ ๗๔ พรรษา ครองราชย์ ๒๗ ปี เศษ

๗ กันยายน ๒๔๘๘

ประกาศยกเลิกคำว่า “ประเทศไทย” (ไทยแลนด์) ให้ใช้คำว่า “สยาม” “ไทย” กับ “สยาม” ต่างกัน ไทยเป็นชื่อเชื้อชาติ คำว่า “สยาม” เป็นชื่อดินแดน

๘ กันยายน : วันการศึกษานอกโรงเรียน, วันที่ระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือ, วันรณรงค์เพื่อการรู้หนังสือระหว่างประเทศ

๘ กันยายน ๒๒๘๖

กรมพระราชวังบวรสถานมงคล มหาสุรสิงหนาทประสูติ ในรัชกาลพระเจ้าบรมโกศ พระนามเดิม บุญมา

๘ กันยายน ๒๔๘๘

ได้มีการลงนามในข้อตกลงทางทหารชั่วคราว ระหว่างแม่ทัพใหญ่ฝ่ายสัมพันธมิตร ภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และหัวหน้าคณะผู้แทนทางทหารของไทย ณ เมืองแคนดี เกาะลังกา มีสาระเกี่ยวกับ การปลดอาวุธกำลังทหารญี่ปุ่นในไทย การกักกันบุคคลสัญชาติญี่ปุ่นและเยอรมันในไทยการช่วยเหลือเชลยศึก และผู้ถูกกักกัน

 

๘ กันยายน ๒๔๙๗

ผู้แทน ๘ ประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐ ฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ และไทย ได้ลงนามร่วมกันในสนธิสัญญาการป้องกันร่วมกันแห่งอาเซียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ ต่อจากนั้นได้มีการจัดตั้งองค์การสนธิสัญญาการป้องกันร่วมกันแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ( South East Asia Treaty Organization - SEATO ) ขึ้น สำนักงานตั้งอยู่ที่ศาลาสันติธรรม กรุงเทพ ฯ โดยมี นายพจน์ สารสิน เป็นเลขาธิการ คนแรก ปัจจุบันองค์การนี้ได้ยุบเลิกไปโดยปริยาย

๙ กันยายน วันปฐมพยาบาลโลก

วันปฐมพยาบาลโลก (วันเสาร์ที่สองของเดือนกันยายน) องค์การกาชาดสากลกำหนดให้วันเสาร์ที่ ๒ ของเดือนกันยายนของทุกปีเป็นวันปฐมพยาบาลโลก (World First Aid Day) ในปี ๒๕๔๕ เป็นปีแรก เป็นปฐมฤกษ์ที่จะรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจด้านการปฐมพยาบาลและพัฒนาต่อเนื่อง จนมีความสามารถ มีความมั่นใจในการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี การขนส่งผู้ป่วยและช่วยชีวิต ณ ที่เกิดเหตุโดยทีมบุคคลกรการแพทย์ที่ได้พัฒนาความรู้มาแล้วจะสามารถช่วยชีวิต และลดอันตรายจากอุบัติเหตุ อุบัติภัย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การปฐมพยาบาลที่ควรทราบ ได้แก่ การห้ามเลือด อันตรายที่เกิดจากกระดูกหัก และการเคลื่อนย้ายที่ไม่ถูกวิธี ความรู้พื้นฐาน เช่น การรู้ว่าผู้บาดเจ็บสลบหมดสติ หรือเสียชีวิตแล้ว อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ การช่วยหายใจ เป็นต้น บาดแผลจากของมีคม ไฟฟ้าดูด ไข้สูง เป็นลม เหยียบตะปู บาดแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ การบาดเจ็บกล้ามเนื้อ ข้อเคล็ด ข้อเท้าแพลงฯลฯ

กิจกรรม.-รณรงค์เรื่องการปฐมพยาบาล การป้องกันและเตรียมพร้อมเมื่อเกิดอุบัติเหตุ อุบัติภัย

 

๙ กันยายน ๒๓๖๗

อังกฤษได้เมืองทะวาย โดยการทำสงครามกับพม่า เมืองทะวายเคยเป็นพระราชอาณาเขตตั้งแต่กรุงสุโขทัย ตกไปเป็นของพม่า เมื่อ พ.ศ. ๒๓๐๒ สมัยอยุธยากลับมาอยู่ในอิทธิพลไทย เมื่อ ๑๐ มีนาคม ๒๓๓๔ ต่อมาพม่าตีคืนไป เมื่อ ๑๖ มกราคม ๒๓๓๖ กองทัพไทยต้องถอยจากเมืองทะวาย

๙ กันยายน ๒๔๒๑

กำหนดมาตราฐานการตวงข้าว ๑ เกวียนเท่ากับ ๑๐๐ ถัง แต่ก่อนถือ ๒๒ หาบ เป็น ๑ เกวียน

๑๐ กันยายน : วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก

วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก สมาคมป้องกันการฆ่าตัวตายสากล (International Association for Suicide Prevention, IASP) ร่วมกับองค์การอนามัยโลกกำหนดวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลกเพื่อเรียกร้องความสนใจในปัญหาการฆ่าตัวตายทั่วโลก เริ่มจัดกิจกรรมปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีแรก

การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุที่พบบ่อยเป็นลำดับที่ ๑๓ ของสาเหตุการตายทั่วโลก เป็นสาเหตุการตายอันดับ ๔ ของคนอายุ ๑๕ - ๔๔ ปี คาดว่าในปี ๒๕๔๓ มีคนตายจากการฆ่าตัวตาย ๘๑๕,๐๐๐ คน จากทั่วโลก ประมาณว่าตาย ๑ คน ทุก ๔๐ วินาที มากน้อยตามอายุ ชายมากกว่าหญิง การตายจากการฆ่าตัวตายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา คนส่วนหนึ่งฆ่าตัวตายแล้วไม่ตายเชื่อมีผลเกี่ยวข้องกับอารมณ์ สังคมและเศรษฐกิจ

ปัจจัยที่ป้องกันการฆ่าตัวตาย ได้แก่ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความผูกพันในสังคมโดยเฉพาะกับครับครัวและเพื่อน การได้รับความช่วยเหลือจากสังคม ชีวิตสมรสมีความสุข และความยึดมั่นในศาสนา

การป้องกันการฆ่าตัวตายที่สำคัญ คือการค้นพบโดยเร็วและรีบการรักษาปัญหาทางจิตเวช การสร้างความผูกพัน การให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีทางจิตสังคม การจำกัดไม่ให้เข้าถึงวิธีฆ่าตัวตาย จำกัดการเผยแพร่วิธีการฆ่าตัวตายทางสื่อต่าง ๆ กิจกรรมในการแก้ปัญหานี้ได้แก่ การปรับปรุงวิธีการดูแลรักษาปัญหาทางจิตเวช เพิ่มตระหนักในปัญหา การหาวิธีตรวจพบและรีบรักษาในผู้มีปัญหาจิตเวช โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา

๑๐ กันยายน ๒๔๘๔

ตั้งภาคการปกครอง แบ่งพื้นที่ออกเป็น ๕ ภาค โดยรวมจังหวัดต่าง ๆ เป็นหน่วยงาน เรียกว่า “ภาค” ดังนี้

ภาคที่ ๑ ตั้งที่จังหวัดพระนคร มี ๒๐ จังหวัด

ภาคที่ ๒ ตั้งที่จังหวัดปราจีนบุรี มี ๑๐ จังหวัด

ภาคที่ ๓ ตั้งที่จังหวัดนครราชสีมา มี ๑๕ จังหวัด

ภาคที่ ๔ ตั้งที่จังหวัดสงขลา มี ๑๔ จังหวัด

ภาคที่ ๕ ตั้งที่จังหวัดลำปาง มี ๑๕ จังหวัด

๑๑ กันยายน ๒๓๕๒

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ราชสมบัติต่อจาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๓๕๙

วันเกิด คาร์ล ไซส์ (Carl Zeiss) ช่างฝนเลนส์ชาวเยอรมัน ผู้ก่อตั้งบริษัท “Zeiss” ผู้ผลิตเลนส์คุณภาพสูง เกิดที่เมืองไวมาร์ เรียนคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ มานุษยวิทยา เหมืองแร่ และวิชาเกี่ยวกับการมองเห็น (Optics) ที่มหาวิทยาลัยเจนา (Jena University) จากนั้นก็เริ่มเปิดร้านฝนเลนส์เล็ก ๆ รับจ้างทำเลนส์แว่นสายตา จากนั้นก็ทำเลนส์สำหรับกล้องจุลทรรศน์ ปี ๒๓๘๙ เขาร่วมกับ เอิร์นต์ แอ็บเบอ (Ernst Abbe) และ อ็อตโต ช็อทท์ สองนักฟิสิกส์และนักเคมีก่อตั้งบริษัท “Zeiss” ที่เมืองเจนา ประเทศเยอรมนี ปีต่อมาเขาก็สามารถผลิตกล้องจุลทรรศน์ได้ ปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากใช้งานสะดวกและมีคุณภาพสูง คาร์ล ไซส์เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๔๓๑ จากนั้นลูกชายของเขาก็เข้ามาบริหารต่อ หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ กองทัพอเมริกันเข้ายึดครองเมืองเจนา เยอรมนีถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือเยอรมันตะวันตกกับเยอรมันตะวันออก โรงงานของไซซ์ก็ถูกแบ่งออกเป็นสองแห่งเช่นกัน คือในเยอรมนีตะวันออกถูกฝ่ายรัสเซียเข้ายึดและเปลี่ยนชื่อเป็น “ไซซ์ เจนา” (Zeiss Jena) หรือ “Carl Zeiss GmbH” ผลิตกล้องถ่ายภาพขนาด ๓๕ มม. คุณภาพต่ำ ส่วนเจ้าของเดิมก็ไปตั้งโรงงานใหม่ในฝั่งเยอรมนีตะวันตก เรียกว่า “Carl Zeiss AG” ต่อมาในปี ๒๕๑๖ ได้เซนต์สัญญากับบริษัท “Kyocera” ของญี่ปุ่นผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพ “Yashica” ให้ใช้เลนส์ของคุณภาพสูงของไซส์ นอกจากเลนส์สำหรับกล้องถ่ายภาพคุณภาพสูงแล้ว ไซส์ยังผลิตอุปกรณ์ทางด้านออปติคอื่น ๆ อีกจำนวนมาก อาทิ กล้องดูนก เลนส์สำหรับกล้องวิดีโอ เลนส์สำหรับกล้องดิจิทัล เลนส์สำหรับกล้องบนมือถือ เลนส์สำหรับกล้องถ่ายภาพยนตร์ เครื่องมือวัดทางอุตสาหกรรม และอุปกรณ์การแพทย์ ปัจจุบันไซซ์ได้ผลิตเลนส์สำหรับกล้องถ่ายภาพหลากหลายญี่ห้อเช่น คอนแท็กซ์ (Contax) ไลกา (Leica) โรไล (Rolei) โวกท์แลนเดอร์ (Voigtlander) ฮัสเซลบลัด (Hasselblad) โซนี (Sony) โคนิกา-มินอลตา (Konica-Minolta) นิคอน (Nikon) แคนนอน (Canon) เพ็นแท็กซ์ (Pentax) ฯลฯ

 

๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔

เกิดเหตุการณ์ “วินาศกรรม ๑๑ กันยายน” หรือ “๙/๑๑” โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้จี้เครื่องบินโดยสาร ๔ ลำ ลำแรกเป็นเครื่องบินพานิชย์ โบอิง ๗๖๗-๒๐๐ เที่ยวบินที่ ๑๑ ของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์พุ่งเข้าชนตึก เวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ ๑ (๑ World Trade Center) ในเวลา ๘.๔๕ น. ตามเวลาในท้องถิ่น

จากนั้นอีกประมาณ ๑๘ นาทีต่อมาลำที่ ๒ คือเครื่องบินโบอิง ๗๖๗-๒๐๐ เที่ยวบินที่ ๑๗๕ ของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ก็พุ่งเข้าชนตึก เวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ ๒ (๒ World Trade Center) ตึกแฝดที่เป็นสัญลักษณ์ของทุนนิยมและนิวยอร์ก

จากนั้นเวลาประมาณ ๙.๔๐ น. เครื่องบินโบอิง ๗๕๗-๒๐๐ เที่ยวบินที่ ๗๗ ของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ก็พุ่งเข้าชนตึก เพ็นตากอน (Pentagon) ที่ทำการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ณ กรุงวอชิงตัน

และเวลา ๑๐.๓๗ น. เครื่องบินโบอิง ๗๕๗-๒๐๐ เที่ยวบินที่ ๙๓ ของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ก็ตกที่เมืองซอมเมอร์เซ็ต รัฐเพนซิลวาเนีย จากเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดเกือบ ๓ พัน โดยเป็นผู้โดยสารลูกเรือรวมทั้งสลัดอากาศบนเครื่องบินทั้งหมด ๒๔๖ คน ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตึกถล่มอีก ๒,๖๐๒ คน รวมไปถึงนักผจญเพลิง ๓๔๓ คนและตำรวจอีก ๖๐ คน อีกทั้งยังมีผู้สูญหายอีก ๒๔ คน

เหตุการณ์นี้ ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช (George W. Bush) ได้ออกมาแถลงการณ์ว่ามันเป็นการกระทำของอสูรร้าย พร้อมทั้งทุ่มกำลังเจ้าหน้าที่เอฟบีไอและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเกือบ ๕ พันคนออกแกะรอยผู้ต้องสงสัยทั่วประเทศ ได้ตัวผู้ต้องสงสัยชาวอาหรับจำนวน ๑๙ คนโดยมี โอซามา บินลาเดน (Osama Binladen) ผู้นำกลุ่มก่อการร้าย อัล-ไคดา (al-Qaeda) เป็นเบอร์หนึ่ง แม้บินลาเดนจะออกมาแถลงข่าวปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังวินาศกรรมครั้งนี้ แต่ก็ดีใจที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับอเมริกา

หลังเหตุการณ์นี้สหรัฐฯ ได้พยายามกู้ศักดิ์ศรีของพญาอินทรีกลับคืนมาโดยการประกาศ สงครามต่อต้านการก่อการร้าย (The War on Terrorism) โดยประกาศกร้าวว่า “ทุกประเทศในทุกภูมิภาคของโลกต้องตัดสินใจ ว่าจะเลือกฝ่ายสหรัฐฯ หรือเลือกกลุ่มผู้ก่อการร้าย” และเริ่มสงครามครั้งแรกแห่งศตวรรษที่ ๒๑ โดยการส่งกองกำลังเข้าโจมตีประเทศอัฟกานิสถานซึ่งเป็นแหล่งพำนักของบินลาเดน และโค่นล้มรัฐบาลทาลิบัน ซึ่งมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับบินลาเดน

สาเหตุที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายชาวมุสลิมโจมตีสหรัฐฯ นักวิชาการวิเคราะห์สาเหตุว่าเกิดจากสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนอิสราเอลโจมตีชาวปาเลสไตน์ รวมทั้งดำเนินการคว่ำบาต่ออิรักเป็นเวลาหลายปี ทำให้เด็กและคนแก่จำนวนมากต้องล้มตายเพราะขาดอาหารและยา อีกทั้งความโกรธแค้นที่สะสมมานาจากหลายกรณีสหรัฐฯ ใช้อำนาจบาทใหญ่รังแกชาวมุสลิมมาตลอด แต่ไม่ทราบว่าประธานาธิบดีบุชจะตระหนักถึงประเด็นเหล่านี้นี้หรือไม่

 

๑๒ กันยายน ๒๔๗๙

รถไฟสายปากน้ำหมดสัมปทาน รถไฟสายนี้เป็นของเอกชน เปิดเดินเมื่อ ๑๑ เมษายน ๒๔๓๖ ลงนามในสัญญาสัมปทาน

๑๓ กันยายน ๒๓๒๒

เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) แม่ทัพไทยสมัยกรุงธนบุรี ยึดเมืองเวียงจันทน์ได้

๑๓ กันยายน ๒๓๖๗

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ ทรงสถาปนา กรมหมื่นศักดิพลเสพ พระปิจตุฉาธิราชขึ้นดำรงตำแหน่งที่ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล

๑๓ กันยายน ๒๔๕๖

ยกกรมตำรวจภูธรขึ้นเป็น กรมชั้นอธิบดี ให้ตำรวจภูบาลมาขึ้นกับ ตำรวจภูธร

๑๔ กันยายน - วันบุรฉัตร

๑๔ กันยายน ๒๔๐๐

วันเริ่มขุดคลองมหาสวัสดิ์ ตั้งแต่วัดชัยพฤกษ์มาลา ไปออกแม่น้ำท่าจีน

๑๔ กันยายน ๒๔๘๘

รัฐบาลไทยได้ประกาศยกเลิกกติกาพันธไมตรีกับประเทศญี่ปุ่น และต่อมาได้ประกาศยับยั้งความสัมพันธกับญี่ปุ่น

๑๕ กันยายน - วันศิลป์ พีระศรี, วันราชมงคล

๑๕ กันยายน ๒๓๒๘ เป็นวันตั้งชื่อ “กรุงเทพมหานคร”

๑๖ กันยายน – วันโอโซนสากล / วันอนุรักษ์ชั้นโอโซนสากล, วันสาโรช บัวศรี

วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๔๙๗เป็นวันที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธย ในพระราชบัญญัติวิทยาลัยวิชาการศึกษา พ.ศ. ๒๔๙๗ (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๗๑ ตอนที่ ๖๑) ถือเป็นวันยกฐานะโรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง เป็นวิทยาลัยวิชาการศึกษา และเป็นวันที่ตรงกับ วันเกิดของศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรีด้วย เพื่อเป็นเกียรติแก่ ศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี จึงเรียกวันที่ ๑๖ กันยายน เป็นวันสาโรช บัวศรี

ประวัติโดยย่อของ ศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี

ศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี เกิดที่อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๙ เป็นบุตรคนโตของขุนประทุมสิริพันธ์ (เจริญ บัวศรี) และนางเปล่ง บัวศรี มีพี่น้อง ๕ คน คือ สาโรช สารี สว่าง จำนง จงดี เป็นชาย ๒ คน คือ สาโรช และ จำนง

ศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี สมรสกับ อาจารย์ศิรี ศิริจรรยา ในวันจันทร์ที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๔๙๕

การศึกษา.-

ท่านเรียนหนังสือที่จังหวัดภูเก็ตทั้งชั้นประถมและมัธยมจนจบมัธยมปีที่ ๖ เมื่ออายุเพียง ๑๓ ปี เพราะได้เรียนข้ามขั้นบ่อย ๆ สมัยโน้นการเดินทางจากเกาะภูเก็ตมากรุงเทพฯ ลำบากมาก บิดาจึงส่งไปเรียนที่ปีนังซึ่งอยู่ใกล้กว่า เดินทางโดยเรือคืนหนึ่งก็ถึงโรงเรียนที่ป ีนัง ชื่อ The Anglo-Chinese Boys School หรือ Anglo-Chinese School ปัจจุบันได้ชื่อว่า Methodist Boys School ไปเรียนอยู่ ๓ ปี การเรียนที่ปีนังระยะนั้นเป็นการเรียนระบบโบราณของอังกฤษ เรียนได้ถึงชั้นปีที่ ๗ เรียกว่า Form Seven สอบได้ที่ ๑ ของชั้น ต่อจากนั้น ได้มาเรียนต่อในกรุงเทพฯ ณ โรงเรียนฝึกหัดครูประถมพระนคร ได้ทุนจังหวัดภูเก็ต เรียน ๒ ปี ได้ ป.ป. ระหว่างเรียนมีพระมาสอนธรรมศึกษา อันเป็นรากฐานความคิดอย่างดีที่สุดและสอบได้ธรรมศึกษาของสนามหลวงคณะสงฆ์

พ.ศ. ๒๔๗๘ สอบเข้าเรียนคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ที่ ๑ สำเร็จปริญญาตรี พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้ปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต (อ.บ.) และเรียนวิชาครูต่อ ได้ ป.ม. ในปี พ.ศ. ๒๔๘๒

ขณะที่เรียนอยู่ปีที่ ๒ คณะอักษรศาสตร์ สอบได้ที่ ๑ ของคณะฯ ได้รางวัล ๑๐๐ บาท เรียนอยู่ชั้นปีที่ ๓ ได้ทุนจุลจักรพงษ์เพราะสอบได้ที่ ๑ อีก เรียนอยู่ชั้นปีที่ ๔ ได้รางวัลยอดเยี่ยมภาษาอังกฤษจาก British Council และเป็นผู้แทนคณะอักษรศาสตร์ กีฬาที่เล่นขณะศึกษา อยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ ทั้ง ๔ ปี คือ ฟุตบอล กีฬาที่ชอบมาก คือ เทนนิส กิจกรรมต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยก็ได้ช่วยเหลือเต็มที่

เมื่อเรียนจบอายุได้ ๒๓ ปี เข้าสอนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สอนอยู่ได้ปีเศษ กรมวิสามัญศึกษาส่งไปเป็นอาจารย์ใหญ่อยู่ที่ โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ประมาณ ๖ ปี ย้ายมาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนฝึกหัดครูประถมพระนครได้ประมาณ ๓-๔ เดือน ได้รับทุนจากกระทรวงก ารต่างประเทศอเมริกาไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอเมริกาที่ The Ohio State University ใช้เวลาศึกษาปีเศษ ได้รับปริญญาโท (Master of Arts) ศึกษาต่ออีก ๓ ปีเศษ ได้รับปริญญาเอก (Doctor of Philosophy)

ได้ศึกษาและสำเร็จการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (ว.ป.อ.) รุ่นที่ ๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๖

การทำงาน .-

เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ได้ทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการ ๓ เดือน หลังจากนั้นได้รับตำแหน่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

- ๑ มีนาคม ๒๔๙๖ - ๓๑ มีนาคม ๒๔๙๖ เป็นอาจารย์โรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง ถนนประสานมิตร

- ๑ เมษายน ๒๔๙๖ - ๓๐ กันยายน ๒๔๙๖ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนฝึกหัดครูสูง ถนนประสานมิตร และได้เสนอให้ยกมาตรฐานวิชาชีพครู คือให้สอนถึงระดับปริญญา ตรี โท เอก ซึ่งท่านทำได้สำเร็จ กล่าวคือ โรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง ถนนประสานมิตร ได้รับการยกฐานะเป็นวิทยาลัยวิชาการ ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๙๖ และมีพระราช บัญญัติวิทยาลัยวิชาการศึกษา เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๔๙๗

- ๑ ตุลาคม ๒๔๙๖ - ๒๙ กันยายน ๒๔๙๗ เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยวิชาการ

- ๓๐ กันยายน ๒๔๙๗ - ๖ มีนาคม ๒๔๙๙ เป็นรองอธิการและหัวหน้าคณะวิชาการศึกษา วิทยาลัยวิชาการศึกษา ม.ล.ปิ่น มาลากุล รักษาการอธิการ

- ๒๕ มกราคม ๒๔๙๘ ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมการศึกษาแห่งประเทศไทยคนแรก และได้เป็นนายกสมาคมสองสมัยติดต่อกัน สมาคมนี้ท่านและนักการศึกษาไทยได้ร่วมกันจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนอาชีพครูและเผยแพร่แนวความคิดทางการศึกษา

- ๗ มีนาคม ๒๔๙๙ - ๑ มกราคม ๒๕๑๒ เป็นอธิการคนแรกของวิทยาลัยวิชาการ

- ๒ มกราคม ๒๕๑๒ - ๑ ตุลาคม ๒๕๑๓ เป็นรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ครั้งที่ ๑)

- ๒ ตุลาคม ๒๕๑๓ - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๖ เป็นอธิบดีกรมการฝึกหัดครู

- ๑ มกราคม ๒๕๑๗ - ๓๐ กันยายน ๒๕๑๙ เป็นรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ครั้งที่ ๒)

เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว ได้ทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกมากมาย เช่น

- เป็นที่ปรึกษากรมวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร

- เป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับจริยธรรมข้าราชการของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการ พลเรือน

- ประชุมที่ราชบัณฑิตยสถาน ณ สำนักธรรมศาสตร์และการเมืองเพื่อบัญญัติศัพท์เรื่อง ปรัชญา

- ประชุมทบวงมหาวิทยาลัย เพื่อบัญญัติศัพท์อุดมศึกษา

- ประชุมที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อทำสารานุกรมศึกษาศาสตร์

- ประชุมที่กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจัดทำหนังสือแปล

ฯลฯ

หน้าที่การงานในด้านเป็นประธานกรรมการและกรรมการต่าง ๆ ท่านได้ทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น ประธานกรรมการฝ่ายการศึกษาของกรรมการแห่งชาติฯ ประธานกรรมการฝ่ายวัฒนธรรมของกรรมการแห่งชาติฯ กรรมการสภาการศึกษาแห่งชาติ และท่านยังเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (๒๕๑ ๖) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๖ - ๒๔ ตุลาคม ๒๕๑๘)

การไปประชุมและดูงานในต่างประเทศ ศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี ได้ไปหลายแห่ง เช่นใน พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยไปประชุม International Conference on Education ณ กรุง Geneva ประเทศ Switzerland แล้วแวะดูงานที่ฝรั่งเศสและอังกฤษ (ได้รับเลือกเป็น รองประธานที่ประชุม)

ใน พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทย (ประธานฝ่ายวัฒนธรรม) ไปประชุม UNESCO General Conferece ครั้งที่ ๑๙ ที่กรุง Nairobi ประเทศ Kenya ในครั้งนี้สามารถทำให้ UNESCO ถือว่าโบราณสถานที่จังหวัดสุโขทัยเป็นโบราณสถานที่สำคัญของโลกแห่งหนึ่ง และจะมาช่วยทำนุบ ำรุง และเผยแพร่โบราณสถานแห่งนี้ให้ทราบกันทั่วโลก

 

เครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดที่ได้รับ.-

๕ ธันวาคม ๒๕๓๔ มหาปรมภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)

๕ ธันวาคม ๒๕๑๗ มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม)

๕ พฤษภาคม ๒๕๑๓ ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.)

บทบาทของศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี.-

๑. ทำให้มีการสอนจนถึงระดับปริญญาตรี โท เอก แก่ผู้เรียนสายครูและศึกษาธิการ

๒. จัดตั้งวิทยาลัยวิชาการศึกษา (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) เพื่อยกระดับวิชาชีพ ด้านการศึกษาให้มีปริญญา

๓. จัดตั้งสมาคมการศึกษาแห่งประเทศไทย

๔. เผยแพร่แนวความคิดทางการศึกษาแผนใหม่อย่างต่อเนื่องและจริงจัง

๕. นำการศึกษาแผนใหม่มาใช้ คือ แบบพิพัฒนาการ (Progressive Education)

๖. คิดตราและสีของวิทยาลัยวิชาการศึกษา ซึ่งปัจจุบันเป็นตราและสีของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ตรา เป็นสัญลักษณ์เชิงปรัชญาการศึกษาแผนใหม่ การศึกษา คือ การงอกงาม งอกงามไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบสิ้น ถ้าเป็นทางการกระทำ แปลว่าเราจัดประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียนเพื่อว่าผู้เรียนจะได้งอกงามขึ้นอย่างไม่มีสิ้นสุดเหมือนกัน

สีเทาแดง สีเทาเป็นสีของสมอง แสดงถึงความคิด ความฉลาดเฉลียว สีแดงเป็นสีของเลือด แสดงถึงความกล้าหาญ รวมกันแล้วมีความหมายว่า (ให้นิสิต) เป็นคนกล้าคิด กล้าหาญ และฉลาดเฉลียว

๗. ริเริ่มสร้างและเผยแพร่ปรัชญาการศึกษาตามแนวพุทธศาสตร์ วิธีสอนตามขั้นทั้ง ๔ ของอริยสัจศึกษาศาสตร์ตามแนวพุทธศาสตร์ ฯลฯ

๘. ส่งเสริมและสนับสนุนด้านจริยธรรมศึกษาและวัฒนธรรม ด้วยการเขียนและบรรยายเรื่องจริยธรรมศึกษา การศึกษาและวัฒนธรรม ซึ่งเป็นแนวความคิดของท่านเอง

๙. เขียนหนังสือ บทความ งานแปล และบรรยายจำนวนมาก เช่น

แนวคิดในการบริหารการศึกษา (หนังสือ) ความหมายของคำว่าประชาธิปไตยในแง่ของการศึกษา (บทความ) ปัญหาการศึกษาของโลก World Problems in Education (แปลจากหนังสือเล่มสำคัญขององค์การ International Bureau of Education, UNESCO เขียนโดย Jean Thomas)

คุณลักษณะเด่น.-

- มุ่งมั่นในการเรียนมาก ตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่บ้าน บิดาก็กวดวิชาพิเศษ กวดด้วยตัวเอง เพื่อนเขาไปเล่นก็อดไปเล่น ซึ่งกลายเป็นการสร้างนิสัยทางการเรียนตั้งแต่เด็ก ไปอยู่คนเดียวที่ปีนังก็มุตลอดเวลา กลับมาเมืองไทยแล้วมาเข้ามหาวิทยาลัย ไปจุฬาลงกรณ์ก็มุถึงต ีหนึ่งตีสอง ฉะนั้นจึงมีนิสัยที่มุเรียน และมีวิริยะมาตลอด

- มีจิตวิญญาณครูอยู่เต็มเปี่ยม พร้อมที่จะชี้ทางสว่างด้านปัญญาแก่ศิษย์

- ชี้แนะจุดมุ่งหมายของชีวิตนักเรียนฝึกหัดครู นิสิต นักศึกษาว่าควรให้มีลักษณะดังต่อไปนี้

๑. พยายามขวนขวายสะสมวิทยาการทั้งปวง ทั้งทางด้านทฤษฎี และด้านปฏิบัติให้เกิดแก่ตัวเองให้มากที่สุดที่จะทำได้

๒. พยายามขวนขวายสร้างสมให้เกิดมี คุณธรรม ศีลธรรม และวัฒนธรรมขึ้นในใจของตนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

๓. พยายามขวนขวายสร้าง “สมรรถภาพ” ในการเป็นครูให้เกิดแก่ตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งในด้านการสอน อบรม แนะแนว ปกครอง ทำกิจกรรม สร้างสัมพันธภาพ ฯลฯ

- ซื่อสัตย์ สุจริต ยุติธรรม

- มองเห็นคุณค่าของบุคคลอื่น

- บุคลิกภาพและพฤติกรรมเป็นแบบอย่างที่ดี สอนคนอื่นอย่างไรท่านก็ปฏิบัติอย่างนั้น

- ไม่เคยท้อแท้และเบื่อหน่ายที่จะอบรมพร่ำสอนสิ่งที่ดีงาม

- จิตใจเปี่ยมล้นด้วยเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

- มีสง่า แต่งกายสะอาด พูดภาษาอังกฤษดีมาก

- มีความเป็นประชาธิปไตยอยู่ตลอดเวลา

- หนักแน่น ไม่เชื่อง่าย มีเหตุผล

- ไม่ทำอะไรให้กระทบกระเทือนใจผู้อื่น

- มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ไม่เข้าไปใกล้ชิดกับอบายมุขใด ๆ

- มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ในหลาย ๆ ด้าน

- มีคำพูด ข้อเขียนที่ประทับใจผู้อื่นหลายประการ

- แม้เกษียณอายุราชการไปแล้วก็ยังติดตามความคิดใหม่ ๆ ทางการศึกษา เพื่อนำมาถ่ายทอดและทำให้ท่านมีความรู้ทันสมัยเสมอ

ฯลฯ

เกียรติที่ได้รับ.-มีหลายอย่างเช่น.-

-ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ วิทยาลัยวิชาการศึกษา

-วุฒิบัตรกิตติมศักดิ์และเข็มแสนยาธิปัตย์ วิทยาลัยการทัพบก กระทรวงกลาโหม

-ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาชาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

-ได้รับเชิญเป็นสมาชิกของสมาคมฟาย เด็ลตา - แคปปา (Phi-Delta Kappa) The Honorary - Fraternity For Men in Education แห่งสหรัฐอเมริกา (เป็นคนแรกของประเทศไทย)

-ได้รับเกียรติคุณบัตรจากมหาวิทยาลัยอินเดียนา สหรัฐอเมริกา เนื่องจากได้ดำเนินการศึกษาได้ผลดีร่วมกับมหาวิทยาลัยอินเดียนา

-ได้รับเชิญไปเป็น Senior Specialist ณ East-West Center, มหาวิทยาลัย Hawaii สหรัฐอเมริกา ในด้านปรัชญาการศึกษา

-เป็นคนหนึ่งที่ปรากฏชื่อในหนังสือ “ครูไทย ๒๐๐ ปี” เพื่อร่วมสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปีของกระทรวงศึกษาธิการ

-เป็นราชบัณฑิต

-ได้รับโล่เกียรติยศจากสมาคมนักเรียนเก่าภูเก็ตวิทยาลัย ในฐานที่เป็นผู้เสียสละเวลา กำลังกายและกำลังทรัพย์ช่วยเหลือกิจการของสมาคม

-ได้รับโล่ยกย่องเชิดชูเกียรติคุณในฐาน “ผู้ทำคุณประโยชน์อย่างสูงยิ่งต่อการศึกษาของชาติ” เนื่องในโอกาสที่กระทรวงศึกษาธิการครบรอบ ๑๐๐ ปี ใน พ.ศ. ๒๕๓๕ (ทายาทรับมอบโล่ เมื่อ ๑๖ มกราคม ๒๕๓๗ หลังจากท่านถึงแก่อนิจกรรมแล้ว)

๑๖ กันยายน วันโอโซนสากล

บรรยากาศชั้นโอโซน เป็นบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกอยู่ในชั้นสตราโตสเฟียร์ สูงจากพื้นดิน ๑๐-๓๐ กิโลเมตร ประกอบด้วยก๊าซโอโซน ซึ่งเกิดโดยธรรมชาติด้วยปฏิกิริยาระหว่างก๊าชออกซิเจนกับแสงอาทิตย์

บรรยากาศชั้นโอโซนนี้ สามารถป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตชนิดบีจากดวงอาทิตย์ ซึ่งอันตรายต่อมนุษย์และระบบนิเวศวิทยา รวมทั้งทำให้มนุษย์มีโอกาสเป็นโรคต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้น เช่น โรคตาต้อกระจก มะเร็งผิวหนัง และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในสิ่งมีชีวิต รวมทั้งผลิตผลทางการเกษตรที่จะลดลง

บรรยากาศชั้นโอโซนนี้กำลังถูกทำลายอย่างรุนแรงด้วยสารเคมีบางชนิดที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการอุปโภคบริโภคของมนุษย์ เช่น สารซีเอฟซี ฮาลอน เมททิล คลอโรฟอร์ม เมทิลโบรไมด์ เป็นต้น

บรรยากาศชั้นโอโซนนี้ กำลังถูกทำลายอย่างรุนแรงด้วยสารเคมีบางชนิดที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเพื่ออุปโภคและบริโภคของมนุษย์ เช่น สารซีเอฟซี ฮาลอน เมททิล คลอโรฟอร์ม เมทิลโบรไมด์ เป็นต้น และสารทำละลายบางตัว จนเกิดช่องโหว่บนท้องฟ้า ทำให้รังสีอุลต้าไวโอเล็ตชนิดบี สามารถส่องผ่านมายังผิวโลก เพราะไม่มีชั้นบรรยากาศช่วยกรอง องค์การสหประชาชาติได้ประชุมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมขึ้นที่นครมอนตรีออล ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๓๐ และได้จัดให้มีพิธีสารมอนตรีออล ว่าด้วยการลดและเลิกใช้สารทำลายโอโซนซึ่งถือเป็น " วันโอโซน"

กิจกรรม.-ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ลด ละเลิกใช้สารที่ทำลายชั้นโอโซน

๑๖ กันยายน ๒๓๔๗

เจ้าฟ้าเชียงตุงลงมากรุงเทพฯ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขณะนั้นเชียงตุง เป็นขัณฑสีมา อยู่ชั่วระยะหนึ่ง

๑๖ กันยายน ๒๔๖๕

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานที่ดินหวงห้ามที่สัตหีบให้ใช้เป็นฐานทัพเรือ ตามที่นายพลเรือเอก กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ได้ขอพระราชทาน

๑๖ กันยายน ๒๔๘๕

ลงนามข้อตกลงระหว่างไทยกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทางรถไฟสายพม่า (สายมรณะ) ญี่ปุ่นขอยืมเงินไทย ๔ ล้านบาท สร้างเสร็จเมื่อ ๒๕ ตุลาคม ๒๔๘๖ เป็นระยะทางยาว ๓๐๒ ก.ม. มีสถานี ๓๗ สถานี ใช้แรงงานกรรมกรและเชลย ๖๐,๐๐๐ คน เชลยตาย ๘,๗๒๒ คน ทางรถไฟสายนี้เมื่อเสร็จสงครามแล้วรัฐบาลไทยต้องจ่ายเงินให้กับอังกฤษเป็นเงิน ๕๐ ล้านบาท เพื่อซื้อมาเป็นของไทย เมื่อ มกราคม ๒๔๙๐

๑๗ กันยายน ๒๓๑๒

โปรดเกล้า ฯ ให้พระยาอินทวงศา มาจัดการปักเขตที่ดินให้แก่พวกคริสตังที่บางกอก คือ ตำบลกุฎีจีน

๑๗ กันยายน ๒๔๐๓

ประกาศใช้เงินเหรียญบาท และเงินแป (๑ สลึง ๒ สลึง เงินเฟื้อง) กำหนดออกใช้ใน ๒๓ กันยายน ๒๔๐๓

๑๗ กันยายน ๒๔๖๔

เปิดเดินรถไฟจากสถานี ตันหยงมัส ไป สุไหงโกลก

๑๘ กันยายน ๒๓๙๙

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ เลื่อนพระยาเมืองแก้วหมานสุริยวงศ์ ขึ้นเป็นพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ ฯ เจ้านครเชียงใหม่

๑๘ กันยายน ๒๔๐๖

เริ่มใช้ อัฐดีบุก เป็นเงินตราแทน หอยเบี้ย

๑๘ กันยายน ๒๔๓๙

ตั้งกรมป่าไม้ อธิบดีคนแรกเป็นชาวต่างประเทศ ชื่อ เอช.สะเล็ด

๑๘ กันยายน ๒๔๔๔

ตัดถนนราชดำเนินกลาง

๑๙ กันยายน วันพิพิธภัณฑ์ไทย

ในราวคริสต์ศตวรรษที่ ๑๖–๑๗ ทางด้านซีกโลกตะวันตก ได้มีการตื่นตัวในด้านการเก็บรวบรวม และสะสมทรัพย์สมบัติ และมรดกต่าง ๆ ทั้งที่เป็นวัตถุ สิ่งของมีค่า สิ่งเก่าแก่ ที่หายากและแปลก ๆ เพื่อเป็นหลักฐานทางมรดกวัฒนธรรมของชาติ อันเป็นการแสดงถึงความเป็นใหญ่ และความมั่งคงของเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เด่นชัด ซึ่งเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรมนั้น จะปรากฏขึ้นได้ก็ต่อเมื่อชาตินั้น ๆ ได้มีการรวบรวมหลักฐานที่เป็นศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ สิ่งประดิษฐ์จากการคิดค้นหรือสิ่งแวดล้อมที่เป็นสมบัติของชาติ มาประมวลเป็นหลักฐานให้ชีวิตของชนในชาตินั้นได้

สำหรับในประเทศไทยนั้น ผู้ริเริ่มดำเนินการรวบรวมวัตถุสิ่งต่าง ๆ เป็นคนแรกได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดพิพิธภัณฑสถานส่วนพระองค์ ที่พระที่นั่งราชฤดีเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๒ ซึ่งเป็นที่จัดตั้งแสดงสิ่งสะสมในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงรวบรวมไว้ตั้งแต่ครั้งก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ และต่อมาได้ย้ายมาจัดแสดงที่ “พระที่นั่งประพาสพิพิธภัณฑ์”อันเป็นที่มาของคำว่า "พิพิธภัณฑ์" ในเวลาต่อมา

พิพิธภัณฑสถานไทย ที่เริ่มต้นจากพิพิธภัณฑสถานส่วนพระองค์ ได้เปลี่ยนแปลงมาสู่พิพิธภัณฑสถานประชาชน และพัฒนาต่อไปจากพิพิธภัณฑสถานที่เก็บรักษาสรรพสิ่งทั่วไป ไม่กำหนดประเภทแน่นอน มาเป็นพิพิธภัณฑสถานมากมายหลายประเภท ตามลักษณะของศิลปวิทยาการที่เกิดขึ้นในโลก ทั้งทางศิลปะวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ชาติพันธุ์วิทยา สังคมวิทยา และสาขาวิชาอื่น ๆ เป็นจำนวนหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ และยังได้ยกระดับกิจการพิพิธภัณฑ์ไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล

เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๒ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งองค์หนึ่งขึ้นในพระบรมมหาราชวังและพระราชทานนามว่า “ประพาสพิพิธภัณฑ์” เพื่อใช้เป็นที่จัดตั้งแสดงศิลปะโบราณวัตถุที่ทรงรวบรวมไว้ แต่มิได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม โดยเรียกพิพิธภัณฑสถานในครั้งนั้นทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “มิวเซียม”

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งมิวเซียมหลวงขึ้นที่หอคองคอเดีย หรือศาลาสหทัยสมาคม ภายในพระบรมมหาราชวังชั้นนอก เพื่อจัดแสดงสิ่งของต่าง ๆ และเปิดให้ประชาชนเข้าชมเป็นครั้งแรก เนื่องในการเฉลิมพระชนมายุครบ ๒๑ พรรษา โดยมีพิธีเปิด เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๔๑๗ ดังนั้น จึงถือว่า วันนี้เป็นวันกำเนิดกิจการพิพิธภัณฑ์สถาน สำหรับประชาชนในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

สำหรับ มิวเซียมหลวงที่หอคองคอเดีย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้จัดตั้งขึ้นนี้ ได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมเฉพาะในการเฉลิมพระชนมพรรษาต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี จนถึงปี พ.ศ.๒๔๓๐ พระองค์ได้ย้ายมิวเซียมหลวงจากพระบรมมหาราชวังไปจัดตั้งในพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า ซึ่งมิวเซียมหลวงแห่งนี้ถือเป็นจุดกำเนิด พิพิธภัณฑสถานแห่งแรกของไทย ซึ่งต่อมาก็คือ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ” พระนครนั่นเอง

เหตุนี้ นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๘ รัฐบาลจึงประกาศให้วันที่ ๑๙ กันยายนของทุกปี เป็น “วันพิพิธภัณฑ์ไทย” เนื่องจากเป็นวันที่คนไทยทั้งชาติ ได้รับพระราชทานพิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชนเป็นครั้งแรก จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ปี พ.ศ ๒๔๑๗ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณของพระองค์ท่านและเพื่อปลูกฝังให้คนไทยรักและหวงแหนในศิลปวัฒนธรรมอันเป็นสิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ในวันพิพิธภัณฑ์ไทย โดยพิพิธภัณฑสถานต่าง ๆ ทั่วประเทศ ได้ร่วมกันเปิดพิพิธภัณฑสถานให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสเข้าไปชมศิลปวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ เพื่อสร้างความรักความเข้าใจ ตลอดจนภูมิใจในความเป็นไทยโดยทั่วกัน

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิต พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้ความหมาย “พิพิธภัณฑสถาน” ว่า สถานที่เก็บรวบรวมและแสดงสิ่งต่าง ๆ ที่มีความสำคัญด้านวัฒนธรรมหรือด้านวิทยาศาสตร์ โดยมีความมุ่งหมายเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา และก่อให้เกิดความเพลิดเพลินใจ

อนึ่ง พิพิธภัณฑสถานที่พบเห็นโดยทั่วไป แบ่งได้ ๒ ลักษณะ คือ

๑.แบ่งตามลักษณะของการบริหาร หรือผู้เป็นเจ้าของ/ผู้ดูแลอย่างหนึ่ง เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑสถานมหาวิทยาลัย พิพิธภัณฑสถานเอกชน พิพิธภัณฑสถานเทศบาล และพิพิธภัณฑสถานจังหวัด เป็นต้น

๒.แบ่งตามลักษณะของสิ่งที่รวบรวมไว้ หรือตามแขนงวิชา เช่น พิพิธภัณฑสถานวิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑสถานประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์เด็ก และพิพิธภัณฑสถานศิลป เป็นต้น

ปัจจุบันพิพิธภัณฑสถานที่มีอยู่หรือนิยมจัดตั้งทั่วไปจะมีหลากหลายชนิด ยกตัวอย่าง เช่น

๑.พิพิธภัณฑสถานประเภททั่วไป หรือประเภทรวม ซึ่งเรียกว่า General Museum จะเป็นสถานที่เก็บรวบรวมวิชาการทุกแขนงทั้งศิลปะ โบราณคดี วิทยาศาสตร์ ธรรมชาติวิทยา ส่วนมากจะเป็นวัตถุที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม ได้แก่ ศิลปโบราณวัตถุ ของที่ระลึก เครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์โบราณ ของหายาก ตลอดจนของใช้ต่าง ๆ ที่เก่าแก่เลิกใช้แล้ว ฯลฯ ซึ่งพิพิธภัณฑสถานแบบทั่วไปนี้มีอยู่ทั่วไปทั้งเอเซียและยุโรป รวมทั้งไทย เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ เป็นต้น

๒.พิพิธภัณฑสถานศิลป (Museum of Arts) จะหมายถึงพิพิธภัณฑสถานที่จัดแสดงศิลปวัตถุทุกประเภท ทั้งประณีตศิลป ศิลปะตกแต่งหรือศิลปประยุกต์ อาทิ

-พิพิธภัณฑสถานศิลปประยุกต์ (Applied Art) หรืออาจจะเรียกเป็นอย่างอื่น เช่น พิพิธภัณฑสถานศิลปอุตสาหกรรม (Industrial Art ) พิพิธภัณฑสถานหัตถศิลป (Museum of Craft) ซึ่งเป็นที่จัดแสดงวัตถุที่เป็นงานฝีมือ เครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ อันได้แก่ เครื่องเรือน เครื่องเงิน เช่น ที่ Victoria and Albert Museum ในกรุงลอน ประเทศอังกฤษ เป็นต้น

-หอศิลป (Art Gallery)หรือหอศิลปสมัยใหม่ (Museum of modern art) เป็นที่จัดแสดงจิตรกรรม(ภาพเขียน) และประติมากรรมของศิลปินที่มีชื่อเสียงตั้งแต่โบราณเรื่อยมาถึงร่วมสมัย เช่น หอศิลปเจ้าฟ้า พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทย ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑสถานศิลปประเภทการแสดง (Performing Art) อย่างละคร ภาพยนตร์ นาฏศิลป และการดนตรี เช่น พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ที่วัดตะเคียน จ.ลพบุรี

๓.พิพิธภัณฑสถานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science and technology) เป็นสถานที่จัดแสดงวิวัฒนาการความก้าวหน้าของวัตถุที่มนุษย์คิดค้นและประดิษฐ์ขึ้น เช่น ยานพาหนะ โทรคมนาคม และเรื่องราววิทยาศาสตร์สาขาต่าง ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ของไทย ที่จังหวัดปทุมธานี

๔.พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา (Natural science) จะจัดแสดงเรื่องของธรรมชาติเกี่ยวกับเรื่องของโลก ดิน หินแร่ มนุษย์ สัตว์และพืช เป็นต้น ซึ่งมักจะรวมไปถึงสวนสัตว์ สวนพฤกษชาติ วนอุทยาน และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไว้ด้วย เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่บางแสน พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่จ.กาฬสินธุ์และจ.ขอนแก่น เป็นต้น

๕.พิพิธภัณฑสถานประวัติศาสตร์ จะจัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์แสดงชีวิต ความเป็นอยู่ หรือวัฒนธรรมและประเพณีพื้นเมือง ซึ่งบางแห่งอาจจะรวบรวมและจัดแสดงทางประวัติศาสตร์ด้านการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ สังคม เช่น พิพิธภัณฑ์สงครามโลก ครั้งที่ ๒ จ.กาญจนบุรี พิพิธภัณฑสถานสงครามเก้าทัพ เป็นต้น

นอกจากนั้น บางแห่งยังมีลักษณะเป็นบ้านประวัติศาสตร์ (Historic House) คือเป็นอาคาร สถานที่ที่มีความสำคัญทางประว้ติศาสตร์ จัดแสดงตามสภาพความเป็นจริง เช่น บ้านซอยสวนพลู ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หรืออาจจะมีลักษณะเป็นโบราณสถาน อนุสาวรีย์ และสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าชม เช่น ปราสาทหินพิมาย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งในต่างประเทศยังมีพิพิธภัณฑสถานที่เป็นเมืองประวัติศาสตร์ คือเมืองที่สงวนไว้เป็นประวัติศาสตร์ทั้งเมือง เช่นเมือง Williamsberg ในสหรัฐฯ อันเป็นเมืองหลวงสมัยอเมริกาเป็นอาณานิคมอีกด้วย

๖.พิพิธภัณฑสถานชาติพันธุ์วิทยาและประเพณีพื้นเมือง (Museum of Ethnology and Folklore) เป็นสถานที่จัดแสดงเรื่องราวชีวิต ความเป็นอยู่ของมนุษย์ รวมถึงการจำแนกชาติพันธุ์ต่าง ๆ เช่น พิพิธภัณฑสถานพื้นบ้าน (Folk Museum) ที่เป็นสถานที่เก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้พื้นเมือง หรือของใช้ของชาวบ้านสามัญชนในท้องถิ่นต่าง ๆ ในแต่ละสมัย อย่าง พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี บูรณเขตต์ จ.พิษณุโลก เป็นต้น

Dr. Douglas A. Allan ได้เขียนบรรยายจำแนกหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์ว่า ได้แก่ การรวบรวม การตรวจพิสูจน์ การทำหลักฐาน การสงวนรักษา การจัดแสดง การให้การศึกษา และหน้าที่ต่อประชาชน ซึ่งหลักการดังกล่าวนี้เป็นหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์ทุกชนิด ทุกประเภท ซึ่งยอมรับและปฏิบัติกันอยู่ จะแตกต่างกันแต่เพียงว่าพิพิธภัณฑ์ไหนจะเน้นหน้าที่ใดเป็นพิเศษเท่านั้น

นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ยังควรจะเป็นศูนย์ชุมชน และบริการชุมชนซึ่งประกอบด้วยประชาชนทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษา เป็นสถานที่ซึ่งให้ทั้งความรู้ และความสนุกเพลิดเพลินบันเทิงใจด้วย ในอดีตที่ผ่านมา ตามความคิดเห็นของคนทั่วไป มักจะเห็นว่าพิพิธภัณฑ์เป็นเพียงสถานที่เก็บของเก่าแก่ ที่ห่างไกลไปจากชีวิตประจำวัน และไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับตัวเขา ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะพิพิธภัณฑ์สมัยก่อนส่วนใหญ่จะมีลักษณะนิ่ง จัดแสดงสิ่งของอย่างเดียว ไม่มีกิจกรรมอื่นเสริมหรือสนองต่อความต้องการของสังคม ทั้ง ๆ ที่ โดยความเป็นจริงพิพิธภัณฑ์ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่จะทำให้เราได้รู้จักรากเหง้าความเป็นมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันทั้งของตน ชุมชน ท้องถิ่น รวมไปถึงประเทศชาติ ซึ่งการเรียนรู้ และศึกษาอดีตจะทำให้เรารู้เท่าทันสภาพความมา เป็นไปที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน และสามารถวางแผนในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์หลายแห่งได้พัฒนารูปแบบและมีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในการนำเสนอ อีกทั้งมีกิจกรรมเชิงรุกทำให้พิพิธภัณฑ์มีชีวิตชีวา และน่าสนใจยิ่งขึ้น

สำหรับในบ้านเรา นอกเหนือไปจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่มีอยู่ทั่วประเทศสังกัดกรมศิลปากรที่มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องนี้แล้ว ยังหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนต่างก็ได้จัดทำพิพิธภัณฑ์ทั้งในแบบทั่วไป และเฉพาะอย่างทั้งในระบบและนอกระบบกระจายอยู่ทุกภูมิภาค โดยอาจจะเรียกชื่อต่าง ๆ กันไป เช่น ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ มี หออัครศิลปิน ซึ่งเป็นที่รวบรวมพระราชประวัติและผลงานด้านศิลปะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและศิลปินแห่งชาติทุกสาขา มีหอไทยนิทัศน์ จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับชนชาติไทยในแบบมัลติมีเดีย มีหอวัฒนธรรมวิวัฒน์ จัดแสดงความเป็นมาของกระทรวงวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยจอมพลป.พิบูลสงคราม หรือในส่วนภูมิภาคก็มีหอวัฒนธรรมนิทัศน์ ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดที่เป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ส่วนพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย พิพิธภัณฑ์ชาวนาไทย และพิพิธภัณฑ์ตามวัดต่าง ๆ ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ในบ้านเราที่จัดทำโดยเอกชนและชุมชนในท้องถิ่นที่มีลักษณะเฉพาะของตน

ปัจจุบัน เรามีพิพิธภัณฑ์เพิ่มขึ้นมากมายและหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมี“วันพิพิธภัณฑ์ไทย” อันวันรำลึกว่าเรามีพิพิธภัณฑ์สำหรับประชาชนเป็นครั้งแรก ซึ่งสิ่งนี้น่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดีของการเริ่มต้นเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ โดยเฉพาะควรถือเป็นภารกิจที่สำคัญของพิพิธภัณฑ์ทั้งหลายที่จะทำหน้าที่เป็น “แหล่งเรียนรู้ที่สร้างปัญญา” แก่เยาวชน ประชาชนและชุมชนของตนได้อย่างแท้จริง ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า

“ต้องพยายามแนะนำชักจูงคนทั่วไปให้ทราบถึงกิจการ บริการ รวมทั้งประโยชน์ที่พึงจะได้รับจากพิพิธภัณฑสถาน เมื่อประชาชนได้รู้จัก ได้ใช้ และได้รับประโยชน์จากพิพิธภัณฑสถานโดยกว้างขวางแล้ว จะนับว่าเกิดประโยชน์แก่การศึกษาค้นคว้าอย่างแท้จริง..."

 

๑๙ กันยายน ๒๓๙๙

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงมีพระราชสาส์นจารึกในแผ่นพระสุพรรณบัตรถึงพระเจ้านโปเลียนที่ ๓ แห่งพระราชอาณาจักรกรุงฝรั่งเศส มีใจความว่าขอเจริญทางพระราชไมตรีมายังสำนักสมเด็จพระเจ้านโปเลยอนที่สาม และการจัดแจงสัญญาการไมตรีและการค้าขายคืนต่อกับการซึ่งได้เป็นแล้วแต่หนหลัง ครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เจ้ากรุงลพบุรี

๑๙ กันยายน ๒๔๓๒

กองทัพเมืองเชียงใหม่ ยกไปปราบพระยาปราบสงคราม ที่เมืองฝาง

 

๑๙ กันยายน ๒๔๔๙

ตรา พ.ร.บ. ศักดินาตำรวจภูธร

๑๙ กันยายน ๒๔๙๓

ได้มีการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเทคนิค ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับไทย และต่อมาเมื่อ ๑๗ ตุลาคม ๒๔๙๓ ในด้านการทหาร หลังจากที่ไทยได้ส่งกำลังทหารไปร่วมรบกับกองกำลังสหประชาชาติ เมื่อ มิ.ย. ๒๔๙๓

๑๙ กันยายน ๒๕๑๗

โอนโรงกษาปณ์สิทธิการเป็นหอศิลปแห่งชาติ กรมศิลปากร

 

๒๐ กันยายน วันรณรงค์โลกสะอาด (วันทำความสะอาดโลก), วันเยาวชนแห่งชาติ, วันอนุรักษ์รักษาคูคลองแห่งชาติ

วันรณรงค์เพื่อโลกสะอาด (สัปดาห์ที่ ๓ ของเดือนกันยายน) โครงการรณรงค์เพื่อโลกสะอาด(CLEAN UP THE WORLD) เกิดขึ้นใน พ.ศ.๒๕๓๖ เริ่มทำที่ออสเตรเลีย โดยความสนับสนุนของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ เพื่อเชิญชวนให้ทุกประเทศมีส่วนร่วมในการแก้ไขสภาพปัญหาขยะในชุมชนของตนเอง ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศและโลกของเรา โดยจัดกิจกรรมทำความสะอาด ในช่วงสัปดาห์ที่ ๓ ของเดือนกันยายน ประมาณวันที่ ๑๙-๒๑ เป็นการริเริ่มให้ชาวโลกได้ตระหนักถึงปัญหาความสำคัญและบทบาทของทุก ๆ คน ในการที่จะช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมี ๑๑๐ ประเทศ ที่ร่วมกิจกรรมด้วย

วันเยาวชนแห่งชาติ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้ปี พ.ศ.๒๕๒๘ เป็นปีเยาวชนสากล คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้วันที่ ๒๐ กันยายนของทุกปีเป็น “วันเยาวชนแห่งชาติ” เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ.๒๓๙๖ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลซึ่งทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๘ และทั้งสองพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติขณะยังทรงพระเยาว์

เป้าหมายของวันเยาวชนแห่งชาติที่สำคัญ คือ เพื่อให้เยาวชนตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาตนเอง ชุมชนละประเทศ ให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาเยาวชนให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติทั้งในด้านคุณภาพและคุณธรรม ละเพื่อนโยบายส่งเสริมละพัฒนาเยาวชนเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสัมฤทธิ์ผล

วันอนุรักษ์รักษาคูคลองแห่งชาติ

คณะรัฐมนตรี ได้ลงมติ เมื่อ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๘ ให้วันที่ ๒๐ กันยายน ของทุกปี เป็น วันอนุรักษ์รักษาคูคลองแห่งชาติ"เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม รวมทั้งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามแนวพระราชดำริ โดยเห็นว่าควรถือวันที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ เสด็จประพาสคลองแสนแสบเป็นวันพัฒนาแม่น้ำลำคลองแห่งชาติ

ย้อนกลับไปเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน พ.ศ.๒๕๓๗ ภาพคลองแสนแสบในจินตนาการของผู้คน โดยเฉพาะคนเมืองหลวงคงไม่พ้นภาพคลองน้ำครำสายใหญ่ สายยาวที่สุดของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะนับจากต้นคลองที่สะพานผ่านฟ้า ผ่านย่านราชเทวี ประตูน้ำ คลองตัน จนถึงบางกะปิ คลองที่รกเรื้อเต็มไปด้วยวัชพืช เช่น หญ้าคา ผักตบชวา ประชาชนไม่ได้ใช้ประโยชน์ใด ๆ จากคลองสายนี้อีกแล้ว ลบภาพคลองแสนแสบที่น้ำใสแจ๋วและภาพดำผุดดำว่ายของไอ้ขวัญ-อ้ายเรียมไปอย่างสิ้นเชิง

แม้ว่าชาวบ้านจะพยายามกันแล้วที่จะพัฒนาคูคลองดังกล่าว แต่ก็เมือนว่าเกินกำลัง เพราะปัญหาคลองแสนแสบมิได้เกิดขึ้นเพียงวันสองวัน และไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ แต่เกิดจากฝีมือของมนุษย์ที่มักง่ายและไม่รู้คุณค่า

มากลางปี ๒๕๓๗ มีกลุ่มผู้รักน้ำ และอับอายที่เห็นคูคลองทั่วกรุงเทพกลายเป็นท่อน้ำครำขนาดใหญ่ ซึ่งร่วมด้วยกองทัพบกตลอดจนสถาบันการศึกษาลงไปถึงโรงเรียนประถมและมัธยมทั่วกรุงเทพมหานคร ได้รวมตัวกันในชื่อโครงการว่า "โครงการรวมใจภักดิ์รักษ์คลองแสนแสบ"

กระทั่งวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๓๗ สมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จประพาสตรวจสอบคลองแสนแสบ และเยี่ยมประชาชนสองฝั่งคลองระยะทางตั้งแต่กรุงเทพมหานครถึงจังหวัดฉะเชิงเทรา ระยะทาง ๗๒ กิโลเมตร ใช้เวลา ๕-๖ ชั่วโมง ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของชมรมรวมใจภักดิ์รักต้นไม้ แม่น้ำลำคลอง และสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้วันที่ ๒๐ กันยายน ของทุกปีเป็นวันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลองแห่งชาติ ให้ปี ๒๕๔๔-๒๕๔๖ เป็นปีแห่งการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง มีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเป็นองค์กรหลักในการอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อม แม่น้ำ คู คลอง

ความสำคัญของ แม่น้ำ ลำคลอง

แม่น้ำลำคลองในอดีตนั้นมีบทบาทสำคัญมาก ตลอดสองฝั่งคลองเป็นที่ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนของมนุษย์ ทำให้มีการใช้เส้นทางคมนาคมขนส่งทางน้ำเป็นหลัก ทั้งยังเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเพื่อการเกษตร เป็นแหล่งผลิตอาหาร และยังเป็นแหล่งกำเนิดศิลปวัฒนธรรม ประเพณีทางน้ำมากมาย ประเพณีการแข่งเรือ ประเพณีลอยกระทง สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ

ปัจจุบันยังมีการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำอยู่บ้าง เพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม คมนาคม แต่จากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของคนไทย ถนนกลายเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่ง ดังนั้นบ้านที่อยู่ติดน้ำจึงกลายเป็นหลังบ้านซึ่งลดความสำคัญลงไป การใช้น้ำจากระบบประปา การสร้างบ้านเรือนที่อิงไปกับเส้นทางถนนมากกว่าริมน้ำ การปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำแม่น้ำ คู คลอง รวมถึงการถมพื้นที่ริมน้ำ ทำให้แหล่งน้ำต่าง ๆ กลายเป็นเพียงที่รองรับและระบายน้ำฝนและน้ำเสียเท่านั้น

ประชาชนมีส่วนอนุรักษ์รักษาคูคลองอย่างไร

ถ้ามีความร่วมมือกันอนุรักษ์แม่น้ำ คู คลองอย่างจริงจัง จะได้ช่วยกันฟื้นฟูสภาพแวดล้อม แม่น้ำ คูคลองให้กลับมีความสำคัญอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชุมชน เป็นสถานที่ระบายอากาศให้ชุมชน เพื่อสร้างภูมิทัศน์และรักษาพื้นที่ป่าริมน้ำไว้ด้วย เป็นการช่วยอนุรักษ์แหล่งประวัติศาสตร์วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตแต่โบราณซึ่งมีคุณค่าและมีเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชน

ประชาชนมีส่วนสำคัญในกรอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อม แม่น้ำ คู คลอง ด้วยการไม่ทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ลงในแม่น้ำ ลำคลอง มีการบำบัดน้ำเสียจากบ้านเรือนและชุมชน ก่อนระบายลงสู่แม่น้ำ คู คลอง ด้วยระบบบำบัดง่าย ๆ การใช้ตะแกรงตักขยะ บ่อดักไขมัน หรือการใช้ระบบบ่อเกรอะ บ่อซึมหรือไม่ปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำแม่น้ำ คู คลอง ทั้งหมดนี้ต้องร่วมมือกันสร้างวินัยให้เกิดขึ้น

กิจกรรม.-ประชาสัมพันธ์ให้เห็นความสำคัญของแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำ การพัฒนาแม่น้ำลำคลอง แหล่งน้ำและคูคลองอันมีผลต่ออนามัยสิ่งแวดล้อม

 

๒๐ กันยายน ๒๓๙๖ เป็นวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๙ ในรัชกาลที่ ๔ และองค์แรกในสมเด็จพระเทพสิรินทราบรมราชินี พระองค์ได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๑ ขณะพระชนม์ ๑๕ พรรษา โดยมีสมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จนทรงบรรลุราชนิติภาวะ ในรัชสมัยของพระองค์ ได้ทรงสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศและประชาชนคนไทยเป็นเอนกประการ ทำให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองมาก

เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ทรงประกาศเลิกทาส พระองค์ได้เสด็จสวรรคต เมื่อ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ พระชนมายุ ๕๘ พรรษา เสวยราชย์นาน ๔๒ ปี

๒๐ กันยายน ๒๔๖๘ วันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระอนันทมหิดล ที่เมืองไฮเดลเบอร์ก เยอรมันนี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล) รัชกาลที่ ๘ (พ.ศ. ๒๔๗๗ - ๒๔๘๙)

เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๘ ณ เมืองไฮเดลเบิร์ก ประเทศเยอรมัน ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๒ ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรมบรมราชชนก และ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

เมื่อพระชนมายุได้ ๓ เดือน ได้ตามเสด็จพระบรมชนกนาถและพระราชมารดา ไปประทับอยู่ ณ ประเทศฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา จนพระชนมายุได้ ๓ พรรษา จึงเสด็จกลับ ประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๑ หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง สมเด็จพระราชชนนีได้นำเสด็จไปประทับอยู่ ณ เมือง โลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๖

พระองค์ไม่เพียงแต่ทรงพระราชสมภพในต่างประเทศ เท่านั้น หากยังทรงต้องประทับอยู่ต่อมา พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนก และพระราชชนนี เนื่องจากสมเด็จพระบรมราชชนก ประทับทรงศึกษาวิชาแพทย์อยู่ในขณะนั้น ทรงศึกษาวิชาเบื้องต้นในประเทศไทย แล้วเสด็จไปทรงศึกษา ต่อ ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

ทรงขึ้นครองราชสมบัติ

เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสละราชสมบัติ เมื่อ วันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ นั้น คณะรัฐบาลด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร จึงอัญเชิญพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ ๘ แห่งราชจักรีวงศ์ ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล อดุลยเดชวิมลรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์สยามินทราธิราช ขณะเมื่อพระชนมายุได้ ๙ พรรษา จึงต้องมีคณะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์ โดยมี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา และ เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เป็นคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

พระองค์มีน้ำพระราชหฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณาในพสกนิกร โปรดการ ศึกษา การกีฬา การ ช่างและการดนตรี ได้เสด็จไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิต- เซอร์แลนด์ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงบ ได้ เสด็จนิวัติประเทศไทย เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จึงได้ถวายราชกิจ เพื่อให้ทรงบริหารโดยพระราชอำนาจ

พระราชกรณียกิจ

ระหว่างประทับทรงศึกษาอยู่ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันท มหิดลได้เสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศไทย ๒ ครั้ง ในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ และปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ถึงแม้จะทรง เป็นยุวกษัตริย์ แต่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทยได้อย่างดียิ่ง ทรงโปรดที่จะ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรอยู่เสมอ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเสด็จพระราชดำเนินสำเพ็ง เพื่อทรง เยี่ยมประชาชนชาวจีนและอินเดียในบริเวณนั้น เป็นผลให้ความแตกแยกระหว่างประชาชนชาวไทยและจีน ซึ่งมีขึ้นก่อนหน้านั้นระงับไปได้ด้วยพระปรีชาอันสามารถ

สวรรคต

ระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลประทับอยู่ในพระนคร เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศไทยครั้งที่ ๒ นั้น โดยมิได้คาดฝันพระองค์เสด็จสวรรคต เพราะถูกพระแสงปืน ณ พระแท่นบรรทมในพระที่นั่งบรมพิมานในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ หลังจากเสวยราชสมบัติอยู่เป็น เวลา ๑๒ ปีเท่านั้น ยังความเศร้าสลด และความอาลัยรักจากพสกนิกรเป็นที่ยิ่ง

ที่มา.-พระราชประวัติพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์

(ย่อความจาก “พระราชประวัติพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์” โดย ม.ร.ว. แสงสูรย์ ลดาวัลย์)

๒๑ กันยายน วันอัลไซเมอร์โลก, วันเทคโนโลยีไทย, วันสันติภาพสากล, วันรักษ์ต้นไม้ประจำชาติ

วันเทคโนโลยีไทย

ความเป็นมา

ตามที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ ให้ความเห็นชอบในการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะทรงเป็น "พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย" และให้วันที่ ๑๙ ตุลาคมของทุกปีเป็น "วันเทคโนโลยีของไทย" โดยมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงาน "พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย" และ "วันเทคโนโลยีของไทย" ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอก เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด โดยทรงศึกษาค้นคว้าวิจัย และทรงนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนเป็นการแสดงเทคโนโลยีที่คิดค้นประดิษฐ์และพัฒนาโดยคนไทย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้สาธารณชนเกิดความเชื่อมั่นและเข้าร่วมพัฒนาเทคโนโลยีของไทย

 

หลักการ

-พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการถวายพระเกียรติเป็น "พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย"

-วันที่ ๑๙ ตุลาคม ของทุกปีได้รับการประกาศเป็น "วันเทคโนโลยีของไทย"

-รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งด้านสำคัญด้านหนึ่งกำหนดให้ส่งเสิรมเทคโนโลยีเพื่อความเข้มแข็งของภาคการผลิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน

 

วันสากลแห่งสันติภาพโลก

องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ 21 ก.ย. เป็น “วันสากลแห่งสันติ าพ” ซึ่งในปีนี้ทาง สมาพันธ์บ้านเยาวชนนานาชาติ (IYHF) ได้ร่วมกับ UNESCO จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสันติภาพ Peace Day ขึ้น เพื่อให้เยาวชนคนไทย และสมาชิกนานาชาติ ได้เห็นความสำคัญของสันติภาพ และเข้ามามีส่วนร่วมสำคัญในการส่งเสริมสันติภาพให้เกิดขึ้น

มีกิจกรรม.- การระบายสีโปสการ์ด อ่านกลอนเพื่อสันติภาพ และเขียนข้อความเพื่อสันติภาพ เพื่อส่งมอบให้นายโคฟี อันนัน เลขาธิการแห่งสหประชาชาติ และทำการจุดเทียน Vigil เพื่อเฉลิมฉลองวันสากลแห่งสันติภาพโลก การเสวนา เพื่อเป็นการจุดประกายให้เยาวชนไทย ได้ใช้เวลาว่างในการอ่านหนังสือ และได้วางแผนท่องเที่ยวทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนได้เห็นคุณค่าของการเดินทาง

๒๑ กันยายน ๒๔๓๙

เริ่มกิจการ ผู้ใหญ่บ้าน ตามระเบียบการปกครองอย่างใหม่ ที่บางปะอิน

๒๒ กันยายน วันปลอดรถยนต์ส่วนตัว, วันปลอดรถโลก /วันปลอดรถสากล

วันปลอดรถยนต์ส่วนตัว เมื่อ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๑ ฝรั่งเศสได้ชักชวนมิตรประเทศทั้งหลายร่วมรณรงค์ประหยัดและลดปัญหามลพิษที่เกิดจากการใช้รถยนต์ส่วนตัวที่มีจำนวนมากในเมืองหลวง ทำให้เกิดวันปลอดรถยนต์ส่วนตัวหรือ CAR FREE DAY ขึ้นครั้งแรก โดยมีเมืองหลวงต่าง ๆ กว่า ๓๕ เมืองร่วมขบวนการด้วย จากนั้นมาวันที่ชาวเมืองรณรงค์ไม่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลก็เริ่มขึ้นปีละครั้งและขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรปอีกกว่า ๒๕ ประเทศ

กิจกรรมวันปลอดรถยนต์ส่วนตัวในไทยเริ่มที่กรุงเทพฯ ในปี ๒๕๔๓ ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันที่มีราคาแพง ดังนั้นหากมีการรณรงค์หาวิธีการเดินทางใหม่ ให้แก่ชาวกรุงเทพ จากการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หันมาใช้จักรยาน รถไฟฟ้า ฯลฯ

วันปลอดรถสากล

องค์กรมากกว่า ๕๐ องค์กรในประเทศต่าง ๆ กว่า ๒๐ ประเทศ ทั่วโลกกำหนดให้ วันที่ ๒๒ กันยายน เป็นวัน วันปลอดรถสากล หรือ World Car Free Day โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลหันมาใช้รถขนส่งมวลชน และรถจักรยานเพิ่มขึ้น เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศและเสียง ปัญหาการจราจรและลดการเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนลดการใช้พลังงาน รายได้เสริมทำผ่าน net ๑๐๐% สร้างรายได้ ๕ หมื่น บ/ด ขั้นต่ำ ขอย้ำว่าขั้นต่ำ สมัครที่ www.abc.๓๒๑.cn

วันปลอดรถโลก

เป็นวันที่ประชาชนในเมืองต่าง ๆ เฉลิมฉลองวันที่ปราศจากเสียงดัง ความเครียด และมลพิษที่มาจากรถยนต์ ทุก ๆ ปีในวันที่ ๒๒ กันยายน ผู้คนทั่วโลกจัดงานทั้งเล็กและใหญ่เพื่อแสดงให้เห็นทางเลือกนอกเหนือจากรถยนต์

มาของวันปลอดรถโลก

วันปลอดรถโลก เริ่มจัดขึ้นในช่วงวิกฤติน้ำมันในต้น ค.ศ. ๑๙๗๐ และได้มีการจัดงานวันปลอดรถหลายงานในเมืองต่าง ๆ ในยุโรปในช่วงต้น ค.ศ. ๑๙๙๐ สำหรับวันปลอดรถนานาชาติจัดขึ้นในยุโรปใน พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งเป็นโครงการนำร่องสำหรับการรณรงค์ "อยู่ในเมืองโดยไม่ใช้รถ" ของสหภาพยุโรป โครงการรณรงค์นี้พัฒนาไปเป็นสัปดาห์แห่งการเคลื่อนไหวร่างกายในยุโรป

ใน พ.ศ. ๒๕๔๓ นิตยสาร Car Busters (ผู้ริเริ่มเครือข่ายปลอดรถโลก) ได้ประกาศเรียกร้องให้มี "วันปลอดรถโลก" เพื่อให้เข้ากับวันปลอดรถโลกของยุโรปในวันที่ ๒๒ กันยายน ตั้งแต่นั้นมาเครือข่ายปลอดรถโลกได้เดินหน้าเชิญชวนให้นักกิจกรรมและประชากรให้จัดงานวันปลอดรถโลกในวันที่ ๒๒ กันยายน หรือวันใกล้เคียง

วันปลอดรถในไทย

จากการที่องค์กรมากกว่า ๕๐ องค์กรในประเทศต่าง ๆ กว่า ๒๐ ประเทศ กำหนดให้ วันที่ ๒๒ กันยายน เป็นวัน World Car Free Day โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลหันมาใช้รถขนส่งมวลชน และรถจักรยานเพิ่มขึ้น เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศและเสียง ปัญหาการจราจรและลดการเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนลดการใช้พลังงาน และได้เชิญประเทศไทยเข้าร่วมโครงการฯ กรมควบคุมมลพิษและหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้มีการประชุมหารือร่วมกัน และเห็นว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ในการรักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดทรัพยากร จึงกำหนดจัดโครงการ Car Free Day ของประเทศไทยขึ้นในวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๖ ภายใต้ชื่อ "๒๒ กันยายน จอดรถไว้บ้าน ลดการใช้พลังงาน ลดมลพิษ"

กิจกรรมในวันปลอดรถ

- วันที่ ๒๒ กันยายน ค.ศ. ๑๙๙๘ มีการรณรงค์ใน ๓๔ เมืองทั่วประเทศฝรั่งเศส ชื่อว่า "En ville, sans ma voiture?" (A day in the city without my car?)

- วันพุธที่ ๒๒ กันยายน ค.ศ. ๑๙๙๙ มีการรณรงค์ "En ville, sans ma voiture?" ครั้งที่ ๒ ใน ๖๖ เมืองของประเทศฝรั่งเศส และ "In cittá senza la mia auto" ใน ๙๒ เมืองของประเทศอิตาลี นอกจากนี้ยังมีการรณรงค์ในวันที่ ๑๙ กันยายน ๑๙๙๙ ทั่วประเทศเนเธอร์แลนด์ และวันที่ ๒๖ กันยายน ๑๙๙๙ ทั่วประเทศเบลเยียม ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์

- วันที่ ๒๑-๒๒ กันยายน ค.ศ. ๒๐๐๐ กำหนดให้เป็น วันปลอดรถสากล (World Car Free Day) มีการรณรงค์ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมรณรงค์ด้วยการขี่รถจักรยานจากบ้านพิษณุโลกไปยังทำเนียบรัฐบาล

- ในปี ค.ศ. ๒๐๐๕ มีการจัดรณรงค์ชื่อ In town without my car! พร้อมกันใน ๑๕๐๐ เมืองทั่วโลก โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมมากกว่า ๑๐๐ ล้านคน

ผลกระทบจากรถยนต์

- การผลิตรถ ๑ คัน ปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์ ๔ ตัน และสารก่อมลพิษอื่น ๆ เกือบ ๓๑๗.๕๑ กิโลกรัมออกสู่บรรยากาศ

- หากประชาชน ๑ คน ใช้ระบบขนส่งมวลชนตลอด ๑ ปี แทนการขับรถไปทำงาน จะสามารถลดการปล่อยแก๊สเหล่านี้ออกสู่บรรยากาศ ได้แก่ ไฮโดรคาร์บอน ๔.๒ กิโลกรัม คาร์บอนไดออกไซต์ ๖๔.๕ กิโลกรัม และไนโตรเจนออกไซต์ ๒.๓ กิโลกรัม นอกจากนี้รถบัสขนาด ๔๐ ฟุต ยังเท่ากับรถยนต์ ๕๘ คัน

วันปลอดรถ ลดโลกร้อน Car Free Day ๒๐๐๗

ชาวจักรยานทั่วประเทศ นัดรวมพลชวนคนหยุดใช้รถยนต์ วันปลอดรถ ลดโลกร้อน ๒๒ ก.ย. ๒๕๕๐ ชมรม/ กลุ่มองค์กรร่วมจัดในส่วนภูมิภาค ๓๑ จังหวัดทั่วประเทศ

๑. จังหวัดฉะเชิงเทรา - ชมรมจักรยานสุขภาพฉะเชิงเทรา

๒. จังหวัดชลบุรี - ชมรมจักรยานชลบุรี

๓. จังหวัดปราจีนบุรี - ชมจักรยานกบินทร์บุรี

๔. จังหวัดระยอง - ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพเมืองแกลง

- ชมรมจักรยานบ้านฉาง - ชมรมจักรยานโรงกลั่นน้ำมันARC

๕ .จังหวัดสระแก้ว - ชมรมจักรยานโรงเรียนวัฒนานคร

๖ .จังหวัดอุทัยธานี - ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพอุทัยธานี

- ชมรมจักรยานโบราณอุทัยธานี

๗ . จังหวัดสุพรรณบุรี - ชมรมจักรยานสีเขียว

๘. จังหวดพิษณุโลก - ชมรมจักรยานท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพพิษณุโลก

- เทศบาลนครพิษณุโลก

๙. จังหวัดนนทบุรี - ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพนนทบุรี

๑๐.จังหวัดอยุธยา - ชมรมจักรยานกรุงเก่า

๑๑.จังหวัดราชบุรี - ชมรมจักรยานราชบุรี

- ชมรมจักรยานหนองบางปู - ชมรมจักรยานราชภัฏจอมบึง

- ชมรมจักรยานศูนย์กีฬากรมการทหารช่าง

- ชมรมจักรยานโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชจอมบึง

๑๒.จังหวัดเชียงใหม่ - ชมรมจักรยานวันอาทิตย์เชียงใหม่

๑๓.จังหวัดพัทลุง - ชมรมจักรยานพัทลุง

๑๔.จังหวัดชุมพร - ชมรมจักรยานชุมพร

๑๕.จังหวัดตรัง - ชมรมจักรยานตรัง

๑๖.จังหวัดสงขลา-ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติสโมสรนักศึกษาแพทย์-ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

๑๗จังหวัดสุราษฎร์ธานี - สุราษฎร์ Bikc Club

๑๘.จังหวัดระนอง - ชมรมจักรยานภูเขาหญ้า

๑๙.จังหวัดศรีสะเกษ - ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพศรีสะเกษ

๒๐.จังหวัดสกลนคร - ชมรมจักรยานเพื่อสุภาพโรงพยาบาลสกลนคร

- ชมรมพยัคฆ์ภูพาน

๒๑.จังหวัดนคราชสีมา - ชมรมเสือภูเขาเมืองย่า ทีมเสือเฒ่าโคราชทวีผล ทีมบุ่งตาหลั่ว

๒๒.จังหวัดกาฬสินธุ์ - ชมรมจักรยานกาฬสินธุ์

๒๓.จังหวัดอุดรธานี - สมาคมจักรยานอุดรธานี

- ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพอุดรธานี

๒๔.จังหวัดอุบลราชธานี - ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพโรงพยาบาลสรรพ- สิทธิประสงค์ - ชมรมเสือชยางกูร - ชมรมเสือห้วยวังนอง

๒๕.จังหวัดนครพนม - ชมรมจักรยานนครพนมและแขวงคำม่วน เมืองท่าแขกสปป.ลาว เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ครั้งนี้

จังหวัดที่เข้าร่วมในกรุงเทพมหานคร

๒๖..จังหวัดกาญจนบุรี - ชมรมจักรยานกาญจนบุรี

๒๗.จังหวัดนครสวรรค์ - ชมรมจักรยานนครสวรรค์

๒๘.จังหวัดสมุทรปราการ - ชมรมจักรยานสมุทรปราการ

๒๙ จังหวัดสมุทรสาคร

๓๐. จังหวัดตราด

๓๑.จังหวัดนครปฐม

รวมพลังสามัคคีของผู้ใช้จักรยานทั่วประเทศร่วมร้องเพลงชาติพร้อมกันทั่วประเทศ ร่วมรณรงค์เชิญชวนใช้จักรยาน / เพิ่มจำนวนผู้ใช้จักรยานเป็นทางเลือกในท้องถิ่นของตนเอง

๒๒ กันยายน ๒๑๕๑

สมเด็จพระเอกาทศรถ โปรดให้ทูตานุทูตอัญเชิญพระราชสาส์น และเครื่องราชบรรณาการไปเจริญ ทางพระราชไมตรีกับพระเจ้ามอริสในราชวงศ์ ออเรนซ์ แห่งประเทศฮอลันดา นับเป็นคณะทูตไทยคณะแรกที่เดินทางไปทวีปยุโรป

๒๒ กันยายน ๒๓๓๔

โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าหน้าบุตรพระตา เป็นพระยาพิชัยราชสุริยวงศ์ขัตติยราช เมืองจำปาศักดิ์ ขึ้นกรุงเทพ ฯ นครจำปาศักดิ์ เคยเป็นพระราชอาณาเขต ต้องเสียให้แก่ฝรั่งเศส เมื่อ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๖ เพื่อให้ฝรั่งเศสคืนจังหวัดจันทบุรีให้ไทยซึ่งได้ยึดไว้แต่เมื่อกรณี ร.ศ.๑๑๒

๒๒ กันยายน ๒๔๓๑

รถรางได้ออกรับผู้โดยสารเป็นครั้งแรกในไทย และในทวีปอาเซีย

๒๒ กันยายน ๒๔๖๐

ไทยประกาศสงครามต่อประเทศเยอรมันนี และออสเตรีย ฮังการี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ

๒๒ กันยายน ๒๔๘๘

ไทยได้ส่งมอบรัฐเชียงตุง และรัฐเมืองพาน ให้กับกองพลอินเดียที่ ๗

๒๒ กันยายน ๒๔๙๓

ประกาศพระบราราชโองการให้ส่งทหารไปร่วมรบในสงครามเกาหลี ได้ส่งกรมผสมที่ ๒๑ มีกำลัง ๑ กองพัน ไปร่วมรบเมื่อ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๓ สงครามเกาหลีมีทหาร ๑๓ ชาติ ไปร่วมรบ รบกันอยู่ ๖ ปี ไทยผลัดเปลี่ยนกันไปถึง ๑๑,๗๘๖ คน รุ่นสุดท้ายถอนกำลังกลับเมื่อ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๑๕

๒๓ กันยายน ๒๒๒๘

เชวาเลีย เดอ โชมอง ราชทูตฝรั่งเศส และบาดหลวงเดอชัวซี อุปทูต เชิญพระราชสาส์นกับเครื่องราชบรรณาการ จากพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ มาเจริญทางพระราชไมตรียังสมเด็จพระนารายณ์ เดินทางถึงปากน้ำเจ้าพระยา

๒๓ กันยายน ๒๔๔๕

ออกธนบัตรใบละ ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท

๒๓ กันยายน ๒๔๗๙

รัฐบาลไทยได้ตั้งหน่วยยุวชนทหารขึ้น เป็นการฟื้นฟูการจัดตั้งกองกำลังกึ่งทหารขึ้น เพื่อทำการฝึกวิชาทหารให้แก่นักเรียนนิสิตนักศึกษา โดยให้กระทรวงกลาโหมรับผิดชอบ โดยมีแผนกที่ ๖ ในกรมจเรทหารบก มีหน้าที่ฝึกวิชาทหารให้แก่ยุวชนทหาร ต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็น กรมยุวชนทหาร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ หน่วยนี้ถูกยุบเลิกไป เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๘

๒๓ กันยายน ๒๔๘๓

รัฐบาลไทยได้จัดคณะฑูตพิเศษ เดินทางไปเยี่ยมเยียน และเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศในเครือจักรภพ ย่าน เอเซีย คือ พม่า อินเดีย มลายู สิงคโปร์ รวมทั้งออสเตรเลีย ปัตตาเวีย

๒๓ กันยายน ๒๔๘๘

ข้าหลวงใหญ่ประจำสี่รัฐมาลัยของไทย ได้ทำพิธีมอบสี่รัฐมาลัยให้กับฝ่ายทหารอังกฤษ

๒๔ กันยายน วันมหิดล, วันอนุรักษ์ทะเลโลก

วันมหิดล

สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงพระราชสมภพ เมื่อ ๑ มกราคม ๒๔๓๔ และเสด็จสวรรคตเมื่อ ๒๔ กันยายน ๒๔๗๒ มีพระนามเดิมว่าสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช ทรงเสด็จไปศึกษาวิชาสาธารณสุขและวิชาแพทย์ ณ สหรัฐอเมริกา ทรงสอบได้ประกาศนียบัตรการสาธารณสุข และปริญญาแพทยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เมื่อกลับมาเมืองไทย พระองค์ได้ทรงประกอบพระกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างมากมาย

ด้วยความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ผู้ที่เคยได้รับพระกรุณาในด้านต่าง ๆ จากพระองค์จึงได้รวยรวมเงินจัดสร้างพระรูปประดิษฐานไว้ ณ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทรงกระทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๔๙๓ และในวันที่ ๒๔

กันยายนปีเดียวกันนี้เอง นักศึกษาแพทย์ได้ริเริ่มจัดงานขึ้นเป็นครั้งแรก เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีความเห็นพ้องต้องกันว่าให้ยึดถือเอาวันที่ ๒๔ กันยายนของทุกปี เป็นวันที่น้อมรำลึกถึงพระองค์โดยให้ชื่อว่า “วันมหิดล”

วันอนุรักษ์ทะเลโลก

"วันอนุรักษ์ทะเลโลก" ควรช่วยเก็บขยะตามชายหาด เพื่อเป็นการทำความสะอาด และรักษาสภาพแวดล้อมของชายทะเลให้สวยงาม อย่าลืมถ้าไปเที่ยวทะเลหรือสถานที่ท่องเที่ยวทางธ รรมชาติที่ไหน ก็ให้ช่วยกันรักษาความสะอาด เพื่อที่เราจะได้มีธรรมชาติสวย ๆ อยู่กับเราตลอดไป

๒๔ กันยายน ๒๓๙๐

พระเจดีย์ใหญ่สร้างที่วัดสระเกศ เพื่อฉลองชัยชนะสงครามไทยกับญวน ขณะที่ยังสร้างไม่เสร็จ ได้พังลงมาในวันนี้ เลยกลายเป็นภูเขาทอง

๒๔ กันยายน ๒๔๓๑

วันนี้ทหารบกได้ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ถวายพระพุทธเจ้าหลวงเป็นครั้งแรก ที่กรมยุทธนาธิการ (กระทรวงกลาโหม)

๒๔ กันยายน ๒๔๓๕

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเปิดอาคารโรงเรียนนายร้อยที่วังสราญรมย์ คือ อาคารกรมแผนที่ในปัจจุบัน และในวันนี้ได้มีการพระราชทานธงไชยเฉลิมพลแก่ทหาร ๕ กรม คือ

กรมทหารมหาดเล็ก

กรมทหารรักษาพระองค์

กรมทหารรักษาพระบรมมหาราชวัง

กรมทหารหน้า

๒๔ กันยายน วันมหิดล

วันมหิดล ตรงกับวันที่ ๒๔ กันยายน ของทุกปี อันเป็น วันคล้ายวันทิวงคต ของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (กรมหลวงสงขลานครินทร์) พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย (ประสูติ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๔ - ทิวงคต ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๒)

เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๔ ได้มีประกาศอย่างเป็นทางการ ให้วันที่ ๒๔ กันยายน เป็น “วันมหิดล” ในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯ ไปทรงวางพวงมาลา ณ พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จฯ พระบรมราชชนก ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร โดยได้เสด็จฯ ทรงเปิดอนุสาวรีย์แห่งนี้ เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓

Read more: “๒๔ กันยายน(หน้า ๑) - วันนี้ในอดีต - ZoneSiam! ชุมชนคนออนไลน์ สังคมอุดมปัญญาบนโลกออนไลน์ - Powered by Discuz! Archiver” - http://www.zonesiam.com/board/archiver/?tid-๑๒๕๒.html#ixzz๐Dm๘gRiii&A

๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๒๐๗ (ค.ศ. ๑๖๖๔) - สงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ : เนเธอร์แลนด์พ่ายต่ออังกฤษ ณ นิวอัมสเตอร์ดัม (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น นิวยอร์กซิตี)

๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๓๘๔ (ค.ศ. ๑๘๔๑) - สุลต่านแห่งบรูไน ยกรัฐซาราวักให้ เซอร์ เจมส์ บรุค นักสำรวจชาวอังกฤษ ซึ่งต่อมาได้เป็นราชาผิวขาวผู้ครองดินแดนซาราวัก

๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๒ (ค.ศ. ๑๙๒๙) - สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย เสด็จทิวงคต ณ โรงพยาบาลศิริราช

๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๑ (ค.ศ. ๑๙๘๘) - เบน จอห์นสัน เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกในการแข่งขันวิ่ง ๑๐๐ ม. ด้วยเวลา ๙.๗๙ วินาที ในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ณ กรุงโซล เกาหลีใต้ แต่ภายหลังถูกตัดสิทธิเนื่องจากพบว่าเขาใช้สารกระตุ้น

๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๓ (ค.ศ. ๑๙๙๐) – เกิดเหตุรถแก๊สระเบิด(จุขนาด ๒ ตัน) บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

๒๕ กันยายน ๒๔๘๐

เริ่มมีเครื่องโทรศัพท์อัตโนมัติในเมืองไทย

๒๖ กันยายน ๒๒๒๗

ราชทูตไทยชุดที่ ๒ ได้เข้าเฝ้า พระเจ้าชาร์ลที่ ๒ แห่งอังกฤษ นับเป็นทูตคณะแรกที่ไปขอเจริญสัมพันธไมตรี กับราชสำนักอังกฤษ

๒๖ กันยายน ๒๔๑๖

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้ายู่หัว ทรงผนวช นับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรก ในพระราชวงศ์จักรี ที่ทรงผนวชเมื่อเสวยราชย์

๒๗ กันยายน วันท่องเที่ยวโลก

๒๗ กันยายน ๒๒๓๐

คณะราชทูตไทยมีออกพระวิสูตรสุนทร (ปาน) เป็นหัวหน้า พร้อมด้วยคณะราชทูตฝรั่งเศส ชุดที่สองมี ม.เดอลาลูแบร์ เป็นหัวหน้า มาถึงประเทศไทย

๒๗ กันยายน ๒๓๔๖

ราชทูตไทยไปเมืองญวน นำเครื่องยศกษัตริย์ ๑๘ อย่าง ไปพระราชทานให้พระเจ้าเวียดนาม ยาลอง (องเชียงสือ) พระเจ้าเวียดนามรับของ ๑๗ อย่าง เว้นแต่พระมาลาเบี่ยงถวายคืน ไม่กล้ารับพระราชทาน อ้างว่าเป็นของสูง สมัยก่อนญวนเป็นเขตอิทธิพลของกรุงรัตนโกสินทร์ ต้องถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทอง

๒๘ กันยายน วันหัวใจโลก

วันหัวใจโลก (วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนกันยายน) การดูแลสุขภาพหัวใจเป็นเรื่องสำคัญที่คนทั่วโลกควรสนใจเพื่อป้องกันโรคที่จะเกิดแก่หัวใจของตน ดังนั้นมูลนิธิหัวใจโลก (World Heart Foundation) องค์การนามัยโลกและยูเนสโก จึงเริ่มให้มี วันหัวใจโลก (World Heart Day) เป็นครั้งแรก ในปี ๒๕๔๓ โดยกำหนดให้วันอาทิตย์สุดท้าของเดือนกันยายนของทุกปีเป็นวันหัวใจโลก เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๓ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความตระหนักให้แก่สังคมโลกต่อปัญหาการระบาดของกลุ่มโรคหัวใจ

กิจกรรม ในประเทศไทย มีการจัดกิจกรรมโดยจัดนิทรรศการโรคหัวใจ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจ พร้อมนำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกตรวจ และให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ ในงานประกอบด้วยนิทรรศการข้อมูลเกี่ยวกับโรคหัวใจ การบริการตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การแสดงการปฏิบัติการช่วยชีวิต สัมมนาด้านวิชาการ และมีแพทย์ให้คำปรึกษาด้านโรคหัวใจ

๓๐ กันยายน – วันเดินเรือโลก, วันสิ้นสุดปีงบประมาณ

๓๐ กันยายน ๒๔๑๐

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ตั้งเซอร์ยอน บาวริ่ง เป็นอัคราชทูตพิเศษไทย ประจำกรุงลอนดอน

๓๐ กันยายน ๒๔๘๔

หลังจากยุติกรณีพิพาทอินโดจีนของฝรั่งเศส สงครามเรียกร้องดินแดนคืน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ – ๒๔๘๔ มีการปักปันเส้นเขตแดนใหม่ ระหว่างไทยกับอินโดจีนของฝรั่งเศส ทำให้ไทยได้เกาะต่าง ๆ ในลำน้ำโขง ๗๗ เกาะ และดินแดนในเขมรบางส่วนกลับคืนมาเป็นของไทย

 

โปรดเลือก "คลิ๊ก" เพื่ออ่านเหตุการณ์ใน ๑๒ เดือน

มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน
พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม
กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม

 

นำเสนอโดย
วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่
อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี 84290